วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"รับ โอลิมปิก 2016 ด้วย น้ำตกสุดอลังการบนหอคอยพลังแสงอาทิตย์"

"รับ โอลิมปิก 2016 ด้วย น้ำตกสุดอลังการบนหอคอยพลังแสงอาทิตย์"

“บราซิลคว้าชัยเจ้าภาพโอลิมปิก 2016” ”บราซิลเฮ! ซิวเจ้าภาพโอลิมปิก 2016” “โค้งสุดท้ายชิงเจ้าภาพ โอลิมปิก 2016“ พาดหัวห้ำหั่นกันขนาดนี้ การเป็น “เจ้าภาพโอลิมปิก“ นั้นสำคัญไฉน? คำตอบง่ายๆ คือหน้าตา ฉากสำคัญที่จะประกาศศักยภาพความเป็นประเทศชั้นนำแห่งโลก และเป็นหนทางการนำรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล ณ เวลานั้น เจ้าภาพโอลิมปิก จะเปรียบเสมือนเมืองท่องเที่ยวสุดฮอตที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะการได้รับคัดเลือกนั้นหมายถึงการเป็นประเทศที่เพียบพร้อมทั้งทางด้านนวัตกรรม ปัจจัยทางการเงิน ลักษณะทางภูมิศาสตร์ การเมือง ความสนใจและอารมณ์ร่วมของชาวเมือง

ขณะที่ผู้คนกำลังเชียร์การแข่งกีฬากันอย่างเพลิดเพลิน ณ กรุงลอนดอน เจ้าภาพ โอลิมปิก 2012 travel mthai ขอพาไปสอดส่อง เจ้าภาพมือใหม่ในอีก 4 ปีข้างหน้า ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล กับ โปรเจ็คสุดล้ำ กลยุทธ์สุดชุ่มฉ่ำบวกรักษ์โลก น้ำตกสุดอลังการบนหอคอยพลังแสงอาทิตย์ รับ โอลิมปิก 2016

หอคอยพลังแสงอาทิตย์ สถาปัตยกรรมซึ่งใช้พลังงานทดแทนเข้ามาเป็นตัวช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อม หอคอยแห่งนี้ประดับประดาด้วยแผ่นโซลาร์ซึ่งจะเป็นตัวผลิตพลังงานให้กับหมู่บ้านโอลิมปิกในตอนกลางวัน และกักเก็บพลังงานส่วนที่เหลือใช้สูบน้ำจากทะเลเข้าสู่ตัวหอ เพื่อปล่อยแรงดันน้ำขับเคลื่อนกังหันและจ่ายกระแสไฟในเวลากลางคืน เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ น้ำจะถูกสูบขึ้นสูงเหนือตัวหอคอย เพื่อสร้าง น้ำตกสุดอลังการ เสมือนพลังแห่งธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ถือเป็นตัวแทนสร้างความตระหนักรักษ์โลกแก่มวลมนุษย์

หอคอยพลังแสงอาทิตย์ แห่ง ริโอ เดอ จาเนโร จะตั้งอยู่บนลานอเนกประสงค์ ซึ่งสูง 60 เมตร จากระดับน้ำทะเล บริเวณนี้ถือเป็นศูนย์รวมแห่งการพบปะสังสรรค์ และจัดงานสำคัญต่างๆ ให้บริการทั้งด้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง ภายใต้น้ำตกอันสูงตระหง่าน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสูงสามารถขึ้นลิฟท์ไปยังจุดชมวิวที่ชั้น 98 และมุมระเบียงที่ชั้นสูงสุดของหอคอย ซึ่งสูง 105 เมตร จากระดับน้ำทะเล นอกจากจะได้สัมผัสวิวแบบ 360 องศา แล้ว ยังจะได้เฉียดความเสียว ด้วยการเดินผ่านลานกระจกใสเหนือน้ำตกสูง หรือจะเลือกกระชากใจแบบสุดๆ ด้วยการกระโดดบันจี้จัมพ์ทิ้งดิ่งจากระยะ 90.5 เมตร ทำเท่จารึก ริโอ โอลิมปิก ฤดูร้อน 2016

โครงสร้าง หอคอยพลังแสงอาทิตย์ รับ โอลิมปิก 2016

หอคอยพลังแสงอาทิตย์ มีโครงการจะตั้งอยู่ที่เกาะ Cotunduba เมือง ริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งเป็นทางเข้าสู่ อ่าวกวานาบารา ประเทศบราซิล ในอนาคตหอคอยแห่งนี้จะเป็นเอกลักษณ์สำคัญ เมื่อมาเยือน ริโอ

น้ำตกบนหอคอยพลังแสงอาทิตย์ ”โลกสีเขียว” “พลังงานทดแทน” ไอเดียยอดนิยมที่หลายประเทศใช้เป็นจุดเรียกคะแนนและสร้างความสนใจ สำหรับ โอลิมปิก 2016 นั้น นครริโอ เดอ จาเนโร แห่ง ป้าจะเป็นประเทศแรกที่จัดการแข่งขันกีฬาโดยไม่สร้างสภาวะก๊าซเรือนกระจก





ที่มา Green Communication ต้านวิกฤติพลังงานไทย

มะยมเพื่อสุขภาพน้ำมะยมเปรี๊ยวจิ๊ดหอมได้ใจ บำรุงโลหิต

มะยมเพื่อสุขภาพน้ำมะยมเปรี๊ยวจิ๊ดหอมได้ใจ บำรุงโลหิต 

มะยม ที่บ้านใครปลูกบ้างไม้มงคลนาม เป็นเคล็ด คนนิยม ชมชอบ ค้าขายดี ฯ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมะยมเปรี้ยว มะยมหวานไม่ค่อยได้พบ และแต่ละบ้านไมค่อยนำมาใช้ประโยชน์สักเท่าไหร่ อยู่สูงบ้าง ลูกดกเกินกินไม่ทัน เปรี้ยวไม่ชอบ ไม่ทราบจะมาทำอะไรดี ฯ วิธีที่จะถนอมมะยมให้อยู่นานเช่น มะยมเชื่อม แช่อิ่ม มะยมกวน มะยมหยี่ ซึ่งการทำก็จะมากไปด้วยน้ำตาลและเกลือ ตอนอายุน้อยๆกินเพลินก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะ แต่ถ้าอายุมากก็ระวังสักนิด มะยมทำอาหารได้ด่วนๆก็มีเช่น ส้มตำมะยม มะยมจิ้มน้ำตาลพริกเกลือ น้ำมะยม ฯ บางครั้งพบต้นในวัด ริมถนน บ้านคนอื่น ลูกดกมากแต่อยู่สูง ตามตลาดไม่ค่อยมีขาย พอได้พบก็ซื้อมาเลยเป็นลูกเล็กๆคนขายบอกมียายนำมาฝากขาย นำมาทำน้ำมะยมเข้มข้นได้หอมเปรี้ยวได้ใจ นำมาฝาก

วิธีทำ 

มะยมเปรี้ยวล้างให้สะอาด

การทำครั้งนี้ใช้เครื่องแยกกากจึงได้น้ำมะยมเข้มข้นไม่ใส่น้ำตาล ดื่มได้ทันที หรือ 

- ทำโดยใช้ ตำในครกให้ละเอียด ผสมน้ำพอประมาณแล้วกรอง

- ใส่โถปั่น เพิ่มน้ำพอประมาณปั่นให้ละเอียดแล้วกรอง

การเพิ่มความหวานเช่น ใบหญ้าหวาน น้ำตาลทราย น้ำเชื่อม น้ำผึ้ง น้ำตาลกรวด แล้วแต่ชอบ

เนื้อมะยมละเอียดที่น้ำออกแล้วจากเครื่องก็จะมีเมล็ดปนออกมาด้วย นำลงกระทะใส่เกลือนิดน้ำตาลหน่อย เคี่ยวไฟอ่อนๆสักพักจนแห้งดี กินเล่นสำหรับคนฟันดีไม่ได้นำเมล็ดออก จะคัดแยกเมล็ดออกก่อนแล้วใส่น้ำตาลให้มากเพื่อทำลูกอมมะยม แยมมะยม มะยมกวน ก็ได้

มะยมมีสรรพคุณประโยชน์ ดังนี้

มะยม แม(ใต้) ,Star Gooseberry 

ใบ รสจืดมัน ปรุงเป็นยารับประทานดับพิษร้อนถอนพิษไข้ แก้ไข้ตัวร้อน ไข้หัวต่างๆ

ต้มรวมกับใบหมากผู้หมากเมีย ใบมะเฟือง อาบแก้ผื่นคัน พิษไข้หัว เหือด หัด สุกใสดำแดง ฝีดาษ

เปลือกต้น รสจืด ต้มดื่ม แก้ไข้เพื่อโลหิต ต้มอาบ แก้เม็ดผดผื่นคัน

ราก รสจืด ปรุงยารับประทาน แก้โรคผิวหนัง เม็ดผดผื่นคัน ประดง แก้น้ำเหลืองเสีย 

ลูก รสเปรี้ยวสุขุม กัดเสมหะ แก้ไอ บำรุงโลหิต ระบายท้อง

ส่วนของใบนั้นนำมาปั่นหรือตำให้ละเอียดผสมกรองได้น้ำใบมะยมดื่มได้ หรือจะใช้แบบสดส่วนยอดอ่อนๆมากินกับส้มตำไทยได้อร่อยมาก เวลาเด็ดมาต้องล้างให้สะอาดระวังเพลี๊ยขาวๆที่ชอบกินใบมะยมด้วย 

http://www.gotoknow.org/posts/534341

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชาดอกอัญชันขาว-ม่วงเพื่อสุขภาพดี

ชาดอกอัญชันขาว-ม่วงเพื่อสุขภาพดี 

อัญชัน พืชสมุนไพรที่มีดอกสีสวย ปลูกง่ายโดยใช้เมล็ดแก่ และโตไว ออกดอกเร็ว ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน ต้นอัญชันที่โรยรา ออกฝักแก่ไปแล้ว ก็แตกยอดใหม่ออกดอกกันเต็มต้น ประโยชน์ที่เราทราบกันดี คือ นำสีจากดอกอัญชันมาผสมในแป้งทำขนม เช่น บัวลอย มูนข้าวเหนียว ขนมครก ฯ หรือนำมาหุงข้าวในหม้อไฟฟ้าโดยขย้ำดอกอัญชันกับน้ำที่จะใช้หุงข้าว แล้วกรองนำน้ำมาใส่หม้อหุงไปกับข้าวหอมมะลิขาวหรือข้าวกล้อง แทนน้ำธรรมดาทำเช่นเดียวกับการนำน้ำสมุนไพรอื่นๆมาหุงข้าว ไม่ว่าจะ ใบเตย ฟักข้าวสีแดง น้ำแครอท ฯลฯ เรามารู้จักต้นอัญชันกัน ว่าใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง 

อัญชันขาว 

ดอกสดๆ นำมาทำเครื่องเสริมสวย ใช้ทาหรือละเลงศรีษะ เป็นยาปลูกผม

ราก มีรสเย็นจีด สรรพคุณ นำมาปรุงเป็นยาบำรุงดวงตา ทำให้ตาสว่าง แก้ตาฟาง ตาแฉะ ตามืดมัว ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ รากเอามาถูฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน

ดอกอัญชันสีม่วง 
นำมาคั้นจะได้น้ำสีม่วง ใช้แต่งสีอาหารชนิดต่างๆเช่น ช่อม่วง ขนมชั้น เล็บมือนาง และขนมดอกอัญชัน ใช้ดอกขยี้ หรือใช้ก้านดอกทาที่คิ้วเด็ก เชื่อว่าช่วยให้คิ้วดกดำ นิยมใช้เป็นส่วนผสมในแชมพูสระผมหรือครีมนวดผม ช่วยให้ผมนุ่มนวลเป็นเงางาม

ดอกอัญชัญ กินสด ต้มน้ำ ป้องกันมะเร็ง และเนื้องอก ฟื้นฟูระบบหัวใจ ตับ ปอด ม้าม ดูแลระบบน้ำเหลือง

เมล็ด รสมัน ระบายท้อง

ราก รสขมเย็น ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ ระบายท้อง ฝนหยอดตา แก้ตาเจ็บ ตาฟาง ทำให้ตาสว่าง ทำยาสีฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน

ดอกอัญชัญสดมาชงชาดื่ม จะดื่มแบบอุ่นๆหรือนำไปแช่เย็นก็ได้ จะเติมน้ำตาลแบบชงกาแฟ หรือ น้ำผึ้ง แล้วแต่ผู้ทำดื่มว่าชอบแบบไหน น้ำดอกอัญชันสีม่วงหรือน้ำเงินคราม จะมีคุณประโยชน์มากคือ สีม่วง นั้นต้านอนุมูลอิสระได้ ต้านมะเร็งนั่นเอง

ค่อยๆดึงกลีบเลี้ยงออก (ดอกไม้อื่นๆก็เช่นกันรวมทั้งเกสรดอกไม้บางชนิด เพราะบางคนแพ้เกสรดอกไม้ ) ล้างให้สะอาด แล้วใส่ในช่องที่ใส่ชา เทหรือกดน้ำร้อนจากกระติกน้ำร้อนใส่ลงไป รอสักพักจนสีของดอกไม้ที่แช่น้ำร้อนไว้ออกมา ก็เทดื่มได้เลย หากชอบหวานก็เติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งตามชอบ (ถ้ายังไม่มีกาชงชา ก็ใส่ในแก้วที่ทนร้อน กดหรือเทน้ำร้อนใส่แก้วที่ใส่กลีบดอกไม้ พอจะดื่มจะกรองกลีบดอกไม้ออกก่อนดื่ม หรือไม่กรองก็ได้ )

น้ำดอกอัญชันขาว สีจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ น้ำดอกอัญชันสีฟ้าหรือน้ำเงิน เมื่อบีบน้ำมะนาวลงไปจะเป็นสีม่วง ซึ่งจะเพิ่มรสชาติเปรี้ยวได้วิตามินซี ฯ อร่อยมากขึ้นถ้าเราใส่ดอกอัญชันมากและแช่ไว้นาน
สีจะเป็นสีน้ำเงิน ที่สวยน่าดื่มมาก ดอกอัญชันสีม่วง ต้มรวมกับใบเตย ใส่น้ำตาลทรายแดงพอหวาน แช่เย็น หวานหอมกลิ่นใบเตย อร่อยชื่นใจมาก

เริ่มปลูกกันนะ หรือบ้านไหนที่มีอยู่แล้วไม่ต้องรอทำขนมหรือใส่ผม นำมาชงชาดื่มหรือใส่หุงข้าว ได้ทุกวัน อัญชันเมื่อปลูกแล้วจะลงดินหรือในกระถางเล็กๆ อยู่ได้และออกดอกดกเช่นกัน เมื่อออกดอก ออกฝักแก่ แล้วจะผลัดใบ ใบแห้งร่วงโรย แล้วลำต้นยังอยู่และแตกออกมาใหม่ เพียงแต่มีต้นไม้อื่นหรือไม้ราว ที่ให้เถาเลื้อยพันได้เท่านั้น เราก็จะได้ชมดอกสวยและนำดอกมาใช้ประโยชน์ รวมทั้งรากที่มีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพมากอีกด้วย 

ดอกอัญชันถ้าออกมาก ก็นำมาตากแห้งเก็บไว้ต้มหรือชงชาฯและเก็บไว้ได้นาน เมล็ดแก่แห้งก็เก็บไว้แจกให้กับบ้านอื่นๆได้ปลูกได้ด้วย

คุณกานดา แสนมณี
http://www.gotoknow.org/posts/439333

หญ้าหวานแทนน้ำตาล ลดไขมัน ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิตสูง

หญ้าหวานแทนน้ำตาล ลดไขมัน ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิตสูง

เมื่อเราอายุมากขึ้นควรควบคุมอาหาร ถ้ามีโรคอยู่ในร่างกายก็ยิ่งต้องควบคุมใส่ใจให้มากขึ้น รสหวานทำให้อาหารอร่อยคือการใส่น้ำตาลนั้น แถมน้ำตาลที่ใช้ยังไม่ธรรมชาติอีก ผู้ที่ไม่ระวังจึงเกิดโรคที่เรียกว่า เบาหวาน ถึงแม้บางคนไม่ได้กินน้ำตาลมาก แต่มีในอาหารประเภทแป้ง และที่เรียกสั้นๆว่า เหล้า แต่เมื่อเกิดโรคจากเหล้าแค่คำเดียวก็ยาวไปตลอดชีวิต ผู้ชายที่ดื่มเหล้าเสร็จและตามด้วยของหวาน มีมากทีเดียวพออายุมากขึ้นโรคเบาหวานก็เข้ามาอยู่เป็นเพื่อน ยิ่งเป็นกลุ่มที่มีกรรมพันธุ์ก็รับมรดกเป็นโรคเบาหวานได้ง่ายและเร็วขึ้น 

มีสมุนไพรที่มีรสหวานธรรมชาติเช่น หญ้าหวาน ลูกมหัศจรรย์ 
ลูกหล่อฮั่งก๊วย ผักหวานป่า ฯลฯ โดยเฉพาะหญ้าหวานมีผู้นำมาเป็นส่วนผสมแทนน้ำตาล เช่น ทำเป็นผงผสมในชาซอง เช่น กระเจี๊ยบ ฯ จำหน่ายทั้งในไทยและต่างประเทศ 

ใบหญ้าหวานนั้นมีรสหวาน คำว่า หวาน ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ต้องระวัง แต่หญ้าหวานนั้นมีสรรพคุณลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิตสูงได้ 

หญ้าหวาน Stevia 

ใบ รสหวานกว่าน้ำตาลทราย 250- 300 เท่า มีสาร stvioside ซึ่งหวาน แต่ไม่ให้พลังงานเหมือนน้ำตาลทราย ใช้แทนน้ำตาลในคนที่เป็นโรคเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ไม่ทำให้อ้วน

สารสำคัญที่พบ amyrin ,anethole, glucoside ,austroinulin, avicularin ,bergamotene, bisabolene, borneol,cadinene, caffeic acid ,calacorene ,calamenene , diterperpene glycosides,quercitrin ,rebaudioside A ,B ,C, D, E ,sterebin A ,B,C,D E.,F ,G,H,,Stevia rebaudiana compound A-D, steviol, stevioside sweetener , stigmasterol ,tartaric acid , Xanthopyll , terpinolene ,Fluoride 

วิธีใช้ นำมาผสมในเครื่องดื่ม หรืออาหารให้รสหวานแทนน้ำตาล
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ต้านเชื้อรา แบคทีเรีย ยับยั้งฟันผุ ลดการบวม ขับปัสสาวะ ให้รสหวาน ลดน้ำตาลในเลือด ยับยั้งเบาหวาน ทำให้หัวใจเต้นช้าลง ลดความดันโลหิต

ใบหญ้าหวานนั้นเราใช้วิธีง่ายๆก็คือใส่ชงหรือต้มสมุนไพรดื่ม ใส่ได้ทันที่หรือนำใบแห้งมาบดเป็นผง ซึ่งจะหาต้นมาปลูกไว้ที่บ้าน หรือซื้อแบบใบแห้ง หาซื้อได้ที่ร้านขายยาสมุนไพรมีขาย แล้วแต่ว่าจะซื้อน้ำหนักเท่าไหร่ซึ่งใบหญ้าหวานเมื่อแห้งจะเบามาก ที่เชียงใหม่ที่เคยซื้อกิโลละ 600 บาท 1/2 หรือ 1 ขีดก็ได้มากมายใช้ได้นาน เวลาชงชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่มีรสขมหรือเปรี้ยวเราก็ใส่ใบหญ้าหวานลงไปด้วย ชาก็น่าดื่มทำให้ชวนดื่มมากขึ้น เช่น ชาดอกจำปา จำปี บอระเพ็ด ฟักข้่าว กระเจี๊ยบ ฯลฯ ใส่ในน้ำสมุนไพร อาหารต่างๆ เป็นอีกทางเลือกการใช้ความหวานมาเป็นอาหารแทนน้ำตาลปลอดภัยต่อร่างกายและได้ประโยชน์ 

http://www.gotoknow.org/posts/530950

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ดื่มน้ำนมข้าวโพด มีประโยชน์มากมาย

น้ำนมข้าวโพดมีประโยชน์อย่างไร ขอบอกเลยค่ะน้ำนมข้าวโพดนั้นมีวิตามินรวมรวมอยู่มากมายเลยค่ะ และสามารถกันโรคต่างๆได้มากมายเลย
น้ำนมข้าวโพดมีประโยชน์ดังนี้
• วิตามิน เอ >> ป้องกันโรคสายตาต่างๆเช่น โรคสายตาสั้น,โรคมองที่มืดไม่เห็น,โรคหัวใจ
• วิตามิน บี 1 >> ป้องกันกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกล้ามเนื่อ
• วิตามิน บี 2 >> ป้องกันตาอักเสบและอาหารแพ้แสงแดด
• วิตามิน บี 6 >> ป้องกันโรคเหงือ,ฟัน,โรคโลหิตจาง,โรคผิวหนังและโรคระบบประสาท
• สารโคลีน >> ป้องกันโรคสมองเสื่อม,ขี้ลืม
• เบต้าแคโรทีน >> ป้องกันผิวไหม้จากแสงแดดต่อต้านโรคมะเร็ง

ประโยชน์ของน้่ำนมข้าวโพดนั้นเยอะมากจริงๆ ไม่เกิดอาหารท้องอืดด้วย ทั้งหอมหวานมันอร่อย ถ้าใครได้ลองจะเลิกดื่มนมวัวไป เลยค่ะ
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ
อย่างที่เราทราบกันดีเรื่อง สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ในข้าวโพด ทำให้ผิวพรรณของเราไม่เหี่ยวย่น เปล่งปลั่งดูสดชื่นมีชีวิตชีวา
- ข้าวโพดช่วยบำรุงสายตา
ในข้าวโพดจะมีสาร เบต้าแคโรทีน (β-carotene) หรือที่เรารู้กันว่าเป็น โปรวิตามินเอ ร่างกายเราจะนำไปใช้สร้างสาร โรดอปซินนะครับช่วยให้ลดอัตราเสื่อมของลูกตาและป้องกันการเป็นโรคต้อกระจกตาด้วย อีกทั้งยังมี โฟเลตซึ่งจะช่วย สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอในการเสื่อมสภาพของร่างกาย
- ป้องกันโรคหัวใจ
ข้าวโพดจะมีเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ผูกกับใยที่ละลายกับน้ำดีจากคอเลสเตอรอลในตับของเรา ซึ่งจะช่วยให้คอเลสเตอรอลในร่างกาย สลายไปได้ดีอีกด้วย แถมยังอุดมไปด้วยโฟเลต, วิตามินบีที่ช่วยในการลดระดับของ homocysteine, กรดอะมิโนที่ตามผลิตภัณฑ์ในกระบวนการเมตาบอลิสำคัญ (เรียกว่ารอบการเติมหมู่เมธิ) ระดับสูงของ homocysteine สามารถทำลายเส้นเลือดที่นำไปสู่หัวใจวายโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดความดันในร่างกาย
- ต้านมะเร็ง
นอกจากข้าวโพดจะมีสารที่ช่วยในการสร้าง โรดอปซิน ที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว ข้าวโพดยังช่วยลดความเสี่ยงของโรค มะเร็งปอด และเส้นใยในข้าวโพดยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารเพื่อสุขภาพจึงลดความเสี่ยงของโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่
- ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร
เส้นใยอาหารแบบไม่ละลายน้ำ ในข้าวโพดจะช่วยให้ดี สำหรับริดสีดวงทวาร จากโรคทางเดินอาหาร หรืออาหารท้องผูก ทุเลาลง เนื่องจาก เส้นใยจะช่วยดูดซับน้ำ และช่วยระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้

วิธีทำ น้ำนมข้าวโพด สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวโพดต้มแล้ว 2 ก.ก.(แกะเม็ดแล้ว)
นมสด 800 กรัม
น้ำสะอาด 6.5 ก.ก
น้ำเชื่อม 300 กรัม
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
ใบเตย 2 ใบ


วิธีทำ 
นำข้าวโพดแกะเม็ดต้มสุกแล้ว 2 ก.ก มาปั่นกับน้ำสะอาด 1.5 ก.ก นำน้ำที่เหลือ 5 ก.ก มาต้มกับใบเตยให้น้ำเดือด เบาไฟใส่ข้าวโพดที่ปั่นละเอืยดแล้วลงไปเคี่ยวให้หอมใส่นมสด น้ำเชื่อม เกลือ ตั้งไฟเบาๆ สักครู่นำมากรองกากข้าวโพดออก เป็นอันเสร็จคะ ดื่มได้ทั้งร้อน และเย็น
ส่วนกากข้าวโพดที่กรองไว้ ยังนำไปแปรรูปเป็นอาหารว่างที่ถูกปากหลายคนไม่แพ้เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโพด คือข้าวโพดกวน วิธีทำ เริ่มจากนำกากข้าวโพด (จากข้าวโพด 5 กิโลกรัม) ลงกระทะ ตามด้วยกะทิ 1,000 กรัม น้ำตาล 1,800 กรัม ค่อยๆ กวนด้วยไฟอ่อนๆ กระทั่งข้าวโพดไม่เกาะติดกระทะ แล้วยกลง ขั้นตอนต่อไปเป็นการประดิษฐ์ประดอยว่าจะปั้นเป็นก้อนทานพอคำ หรือทำเป็นรูปอะไรก็ได้ หรืออาจจะห่อด้วยกระดาษแก้วหลากสีให้กลายเป็นอาหารขบเคี้ยวที่น่าทานและขายได้


ที่มา ชมรมแพทย์แผนไทย อ.แก่งกระจาน

"เนโร"จากจักรพรรดิแห่งโรม มาเป็นโปรแกรมไรท์แผ่นชื่อดัง

"เนโร"จากจักรพรรดิแห่งโรม มาเป็นโปรแกรมไรท์แผ่นชื่อดัง
เรื่องโดยเพจ If ถ้า วันนั้น ครับผม

เราอาจจะพอได้ยินชื่อจักรพรรดิเนโรกันมาบ้าง จากประโยค "เนโรเผาโรม" (Nero Burning Rome) ซึ่งประโยคนี้เอง ได้กลายเป็นที่มาของโปรแกรมเขียนแผ่นซีดีที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก โปรแกรมเนโรเบิร์นนิ่งรอม (Nero Burning Rom) 

ที่ไปที่มาของเรื่องราวนั้น คงต้องย้อนกล่าวถึงจักรพรรดิเนโรกันก่อนครับ ซึ่งว่ากันว่า พระองค์สติสตังไม่ค่อยจะดีเท่าไร ทั้งยังเป็นผู้ที่มีความสนใจด้านดนตรี คิดว่าตนเป็นศิลปินอะไรทำนองนั้น มีการบังคับประชาชนให้เข้าชมการแสดงของพระองค์เมื่อพระองค์อยากแสดง และห้ามใครลุกไปไหนตลอดการแสดง แต่ความจริงแล้วเนโรไม่ค่อยมีความสามารถทางด้านนี้เท่าใดนัก แต่ไม่มีใครกล้าทูลเนโร

ส่วนเหตุการณ์ที่เป็นที่มาของเนโรเผาโรมนั้นมีรายละเอียดดังนี้ครับ

คือในคืนวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 64 ได้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นที่ร้านขายวัตถุไวไฟแห่งหนึ่งในกรุงโรม ประกอบกับการที่ถนนกรุงโรมในช่วงนั้นแคบ ทำให้ไฟจากร้านค้าวัตถุไวไฟนั้น ลุกลามไปยังบ้านเรือนหลังอื่นๆอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ไฟก็ไหม้ทั่วเมือง เนโรรู้ข่าวก็รีบมาดูเปลวเพลิงที่หอคอยมิเซนุส (Maecenas) แล้วก็ตรัสว่า เปลวเพลิงนั้นช่างสวยงาม และนั่งมองไฟผลาญกรุงโรมอย่างสบายอารมณ์ พร้อมทั้งนำเครื่องดนตรีมาบรรเลงอย่างสุนทรีย์โดยไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ

เปลวเพลิงผลาญกรุงโรมทั้งสิ้น 6 วัน 6 คืนและดับลงในวันที่ 7 เผาบ้านเผาเรือนไป 132 หลัง ใน 4 หมู่บ้าน หลังจากเหตุการณ์นี้ เนโรได้สั่งให้เวนคืนที่ดินจำนวนหนึ่งมาสร้างพระราชวังทองคำ (Golden Palace) ประกอบกับการที่มีข่าวว่าเนโรไม่ให้ส่งทหารไปช่วยดับไฟ และในอดีต พระองค์ยังเคยคิดจะเปลี่ยนชื่อกรุงโรมเสียใหม่ว่า กรุงนีโรโพลิส (Neropolis) ประชาชนจึงปักใจเชื่อว่าเนโรเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยสั่งให้เผากรุงโรม (นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันเองก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่นีโรจะเป็นผู้เผากรุงโรม)

ความเชื่อเช่นนี้แพร่ไปในหมู่ประชาขน ทำให้ได้รับการต่อต้าน จนในปี ค.ศ. 68 หลังจากที่เนโรกลับจากกีฬาโอลิมปิก สภาสูงจึงส่งคนมาจับกุมโค่นอำนาจ เนโรจึงฆ่าตัวตายในวันที่ 9 มิถุนายนขณะอายุไม่ถึง 31 ปี โดยไม่มีทายาท

ส่วนความเห็นในยุคหลังเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นก็มี 2 กระแส คือ เป็นไปตามที่นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ตามที่ผมเล่ามา แต่ก็มีบางกระแสแย้งว่า อาจเป็นการใส่ความจากฝ่ายสภาสูงเพื่อโค่นอำนาจเนโร เพราะจริงๆแล้วหลังไฟไหม้เนโรก็รีบให้ทหารไปช่วย อีกทั้งในยุคของเนโรนั้นเศรษฐกิจของกรุงโรมในขณะนั้นดีมากประชากรต่างร่ำรวย ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรนั้น อยู่ในดุลพินิจของท่านเถิดครับ

จากความโด่งดังของเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้โปรแกรมเขียนแผน ได้นำชื่อเนโร ไปใช้เป็นชื่อโปรแกรม จากเนโรเผาโรม (Nero Burning Rome) ตัดตัว"e"ตัวสุดท้ายทิ่งไปตัวเดียว จึงกลายเป็น เนโรเผาแผ่น (Nero Burning Rom) ที่เราคุ้นเคยกันครับ 

(หมายเหตุจากประวัติศาสตร์ตาม Timeline : เท่าที่ผมทราบ คำกริยาในภาษาอังกฤษในการไรท์แผ่น จะนิยมใช้คำว่า"Burn"แผ่น ไม่แน่ใจว่ามีมาก่อนโปรแกรมนี้ หรือมาถูกใช้หลังจากโปรแกรมนี้เป็นที่นิยมก็ไม่ทราบ)


ที่มา ประวัติศาสตร์ตามTimeline

"น้ำมันปลา" กับ "น้ำมันตับปลา" ต่างกันอย่างไร?

"น้ำมันปลา" กับ "น้ำมันตับปลา" ต่างกันอย่างไร?

น้ำมันปลา (Fish Oil) คืออะไร ?
น้ำมันปลา คือน้ำมันที่สกัดจาก เนื้อ หัว หาง และหนังของปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคคอเรล ปลาทูน่า เป็นต้น น้ำมันปลายังเป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็นไม่อิ่มตัวที่ เรียกว่า โอเมก้า 3 (Omega 3 ) ประกอบไปด้วย อีพีเอ (EPA) และ ดีแอชเอ (DHA) ซึ่ง มีประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ บำรุงสมองและสายตา

ต่างจากน้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) อย่างไร ?
น้ำมันตับปลา เป็นน้ำมันที่ได้จากตับปลาทะเล เป็นแหล่งที่ให้วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และวิตามินดี ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก หากรับประทานมากเกินขนาด อาจเกิดพิษจากการสะสมของวิตามินเอและดีซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในร่างกายส่วนที่เป็นไขมัน

"น้ำมันปลา"
1. สกัดได้จากเนื้อ หัว หางและของปลาทะเล
2. เป็นแหล่งที่ให้กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3
3. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง

"น้ำมันตับปลา"
1. สกัดจากตับปลาทะเล
2. เป็นแหล่งที่ให้วิตามินเอและดี
3. บำรุงร่างกายทั่วไป

ทำไมจึงต้องทานน้ำมันปลา
----------------------------
โดยทั่วไปแล้ว ในกระแสเลือดของคนเราจะมีไขมันชนิดต่างๆ จำพวก โคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์อยู่ในภาวะสมดุล แต่เมื่อใดก็ตามที่ความสมดุลนั้นเสียไป ก็อาจส่งผลร้ายต่อระบบหลอดเดลอืหัวใจได้เช่นกัน

** ค่าระดับโคเลสเตอรอลประเภทต่างๆ และไตรกลีเซอไรด์ที่ปลอดภัย **

โคเลสเตอรอลรวม น้อยกว่า 200 มก./ดล.
แอล ดี แอล โคเลสเตอรอล น้อยกว่า 130 มก./ดล.
เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล มากกว่า 40 มก./ดล.
ไตรกลีเซอไรด์ น้อยกว่า 150 มก./ดล.

*เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล (HDL Cholesterol) คือไขมันชนิดดี
ระดับไขมันในเลือดมีความสัมพันธ์กับอายุ โรคบางอย่าง และการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงจำพวกอาหารขยะ (Junk Food) ของทอดโดยเฉพาะที่ทอดด้วยน้ำมันหมู (น้ำมันหมูแหล่งกรดไขมันชนิดอิ่มตัว) ล้วนแล้วแต่นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดตีบและแข็งตัว (Atherosclerosis) เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือภาวะเส้นเลือดแตกในสมองได้

น้ำมันปลากับการบำรุงสมอง
------------------------------
เนื่องจากดีเอชเอ (DHA) เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเนื้อเยื่อสมอง น้ำมันปลาจึงมีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมองหรือแม้แต่การสร้างสารสื่อนำประสาทในสมอง

น้ำมันปลากับโรคหัวใจและหลอดเลือด
----------------------------------------
มีหลักฐานบันทึกว่า ชาวเอสกิโมที่อาศัยอยู่ในแถบหมู่เกาะกรีนแลนด์มีอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหัวใจและข้ออักเสบต่ำทั้งๆ ที่กลุ่มคนเหล้านี้มีการบริโภคไขมันปลาในปริมาณสูง ภายหลังมมีการค้นพบว่าไขมันปลาที่ชาวเอสกิโมบริโภคอยู่นั้นประกอบไปด้วย โอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิต

น้ำมันปลากับโรครูมาตอยด์ (โรคข้ออักเสบ)
---------------------------------------------
อีพีเอ (EPA) จากโอเมก้า 3 (Omega 3) มีผลในการลดการอักเสบที่เกิดจากสารก่ออักเสบในร่างกาย ซึ่งจะพบมากในผู้ป่วยที่เป็นโรครูมาตอยด์

ชอบใจเนื้อหา และเห็นว่ามีประโยชน์ สามารถแบ่งปันให้กับคนที่คุณรัก และเป็นกำลังใจให้ Admin ฝากกด "LIKE" ถูกใจที่หน้าแฟนเพจ Be Healthy ด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ :)

¸¸¸.•*´¯`❀¸¸¸.•*❀ —¸¸¸.•*´¯`❀¸¸¸.•*❀ —
Be Healthy Online
สนับสนุนคนไทยสุขภาพดี รูปร่างดี และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
http://www.thaiwellnessonline.com/behealthy
¸¸¸.•*´¯`❀¸¸¸.•*❀ —¸¸¸.•*´¯`❀¸¸¸.•*❀ —

ขอบคุณ : mcot.net

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กฎเหล็กทานน้ำผึ้ง ตามศาสตร์จีน

กฎเหล็กทานน้ำผึ้ง ตามศาสตร์จีน

กินถูกหลัก ได้ครบคุณค่าสารอาหาร

1. ผู้ป่วยเบาหวานห้ามกิน เนื่องจากน้ำผึ้งมีปริมาณกลูโคส และฟรักโทสที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทันที จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวแร็ว การหลั่งอินซูลินของตับอ่อนไม่พอ

2. ห้ามกินปริมาณมาก โดยเฉลี่ยวันละ 1 - 2 ช้อน ประมาณ 20 กรัม ในกรณีพิเศษอาจกินเพิ่มได้ แต่ไม่ควรเกิน 50 กรัม/วัน

3. คนที่ถ่ายเหลวหรือท้องเสีย เพราะจะทำให้ถ่ายมากขึ้น เนื่องจากน้ำผึ้งจะดูดน้ำทำให้ขับอุจจาระมากขึ้น

4. ผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน หรือมีผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เนื่องจากภาวะความชื้นตกค้า

5. การผสมน้ำอุ่นประมาณไม่เกิน 40 องศา ไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนจัดๆ เพราะจะทำลายคุณค่าของเอนไซม์ วิตามิน และกรดอะมิโน และสารที่มีคุณค่าในฤดูร้อนสามารถใช้น้ำเย็นชงดื่ม แต่ควรจะผสมน้ำขิงเล็กน้อยป้องกันกระเพาะอาหารกระทบความเย็น

6. ไม่ควรกินร่วมกับเต้าหู้ เนื่องจากเต้าหู้มีรสหวาน เค็ม มีคุณสมบัติเย็น สรรพคุณขับร้อนกระจายเลือด เมื่อกินร่วมกันทำให้ท้องเสียง่าย อีกเหตุผลหนึ่ง คือ เอนไซม์จากน้ำผึ้งจะทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุ โปรตีน สารอินทรีย์ของเต้าหู้ จะทำให้คุณค่าทางโภชนาการด้อยไป

7. ไม่ควรกินพร้อมผักกุยช่าย เพราะ กุยช่ายมีวิตามินซีมากจะทำปฏิกิริยากับโลหะทองแดง และเหล็กในน้ำผึ้งเกิดออกซิเดชัน ทำให้คุณค่าด้อยลงอีกเหตุผลหนึ่ง น้ำผึ้งทำให้ระบายกุยช่ายมีเส้นใยมาก เมื่อกินร่วมกันจะทำให้ท้องเสียง่าย

8. ไม่ควรกินร่วมกับหัวหอมและกระเทียม จะทำให้ฤทธิ์ของน้ำผึ้งด้อยลง

ขอบคุณข้อมูลจาก : หมอชาวบ้าน
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/10375

นายเหนือหัว

นายเหนือหัว 
 
นายของตน คนที่หนึ่ง คือท้องปาก
ยามท่านอยาก ท่านเรียกร้อง ต้องรีบหา
มาป้อนท่าน ให้ทัน แก่เวลา
ท่านชื่่อว่า "นายกิน" เก่งสิ้นดี
นายของตน คนที่สอง คือเนื้อหนัง
ท่านไม่ฟัง เสียงใคร ใฝ่เสียดสี
แต่ใรเรื่อง นุ่มเนื้อ เหยื่อโลกีย์
ชื่อท่านมี ว่า "นายกาม" ตะกลามจริง
นายของตน คนที่สาม คือหูหัว
เผ้ายกตัว เรื่อยไป คล้ายผีสิง
ทั้งยกหาง แกว่งไกว ไวกว่าลิง
มีชื่อพริ้ง ว่า "นายเกียรติ" ใครเกียรติเอย

ธรรมะโดยท่าน พุทธทาส ภิกขุ
รูปโดย บรมครูพ่อปู่ฤาษี ประทานพร วัดสมานรัตนารา จ.ฉะเชิงเทรา


บุญเราไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะช่วยเจ้า

อมตะธรรมสมเด็จโต
หลายท่านคงทราบดีแล้วกับอมตะธรรมของสมเด็จโตนี้ แต่คงมีอีกหลายท่านยังไม่ทราบ จึงขอนำมาเผยแผ่ ณ ที่นี้

คำเทศนาของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี)
“.....ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อน

เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนล้นตัว

เมื่อทำบุญกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง

จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา... ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า”


คนธรรมดา คนพิเศษ

• ก่อนจะเห็นว่า ‘เวลา’ มีค่าเพียงใด 
ต้องเห็นให้ได้ก่อนว่า ‘ชีวิตทั้งชีวิต’ มีค่าขนาดไหน

• คนที่เห็น ‘ทุกนาที’ มีค่า 
ไม่ใช่คนเอาเวลาไปทำงานจนหมด 

: แต่เป็นคนที่ ‘มอง’ อยู่ ‘ตลอดเวลา’ ว่า
กำลังเอาเวลาไป ‘ทำอะไรอยู่’

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. 

• ‘นาทีเดียว’ ถ้าพักผ่อนอย่างเต็มที่ 
จิตเป็นอิสระจากความเกาะเกี่ยวกับทุกสิ่ง 
อาจมีค่ายิ่งกว่าการพักร้อนสิบวัน
ของคนแบกงานไว้เต็มหัว 

: หากขาดความสามารถที่จะพักผ่อน 
เวลาพักผ่อนก็คือเวลาว้าวุ่น

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. 

• ‘ชั่วโมงเดียว’ ถ้าทำงานอย่างฉลาดคิด 
ฉลาดทำตามแผน 
ฉลาดเดินหน้าเข้าหาเป้าหมาย 
อาจมีค่ายิ่งกว่าการทำงานสิบวัน
ของคนทำงานขาดระบบ 

: หากขาดความสามารถในการทำงาน 
เวลาทำงานก็ไม่ต่างจากเวลานั่งฟุ้งซ่านเล่น

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. 

• ‘วันเดียว’ ถ้าดูกายใจเป็น 
เห็นว่า... 

ไม่มีอะไรที่เที่ยง

ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา

: ก็มีค่ากว่า ๑๐๐ ปี
ของคนอีกค่อนโลก 
ที่ไม่มีสักวันได้เห็น ‘ความจริง’ นี้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. 

• พระพุทธเจ้าตรัสว่า... 
ผู้พิจารณาเห็นความเกิดดับแห่งสังขาร 
มีชีวิตอยู่วันเดียว 
ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี
ของผู้ไม่พิจารณาเห็น 
(พระธรรมบท)

––––––––––––––––

Cr. ดังตฤณ
http://www.facebook.com/dungtrin
โพสต์โดย น้ำผึ้ง Larn Dao (2nd Admin)
http://www.facebook.com/DungtrinFanClub

เรื่องเตือนภัย..ด่วน !!! การข่มขืนแบบใหม่!!

เรื่องเตือนภัย..ด่วน !!!การข่มขืนแบบใหม่!!
 
ผม ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อไหร่แต่อย่างน้อยมันอาจจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณได้ระมัดระวังถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงคนที่ประสบกับเหตุการณ์นี้เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล
 
เรื่องมีอยู่ ว่า.... วันหนึ่งหลังเลิกงานผมได้ฟังเรื่องราวกลยุทธในการข่มขืนแบบใหม่จาก น้องสะใภ้ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้วกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งหลังเลิกงานผู้หญิงคนนี้กำลังจะกลับบ้าน ระหว่างทางเธอเห็นเด็กตัวน้อยๆกำลังยืนร้องไห้ อยู่ข้างถนนด้วยความรู้สึกสงสารเด็ก เธอเดินเข้าไปหาและถามว่า' เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ'เด็กน้อยตอบ ว่า' ผมหลงทาง พี่ช่วยพาผมไปส่งที่บ้านหน่อยได้ไหมครับแล้วเด็กน้อยก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆแล้ว บอกว่าให้พาไปส่งตามที่อยู่ในนั้นและด้วยความใจดีของเธอเธอมิได้สงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อยเธอก็พาเด็กไปส่งตามที่อยู่นั้น
 
พอถึงที่บ้านของเด็กน้อยตามที่อยู่ในนั้นเธอก็กดกริ่ง ทันใดนั้นเองกริ่งที่ว่าถูกต่อสายไฟฟ้าแรงสูงเอา ไว้
แน่นอนมันช็อตเธอจนหมดสติ.... 
 
วันต่อมาเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเธอพบว่าเธออยู่ในบ้านร้างพร้อมกับร่างอันเปลือยเปล่าเธอไม่ได้เห็นแม้กระทั่งใบหน้าของผู้ร้ายนั่นคงเป็นคำถามว่าทำไมทุกวันนี้ อาชญากรรมถึงพุ่งไปหาคนที่ใจดี
 
ในครั้งต่อไปถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะกับใครก็ตามขอให้จำไว้ว่าอย่าพาเด็กไปในที่ที่เขาต้องการยังไงให้พาไปที่สถานีตำรวจ จะดีกว่าจำไว้ เมื่อพบเด็กหลงทางทางที่ดีที่สุดควรพาไปที่สถานีตำรวจนะครับ


ข้อมูลจากเพจ I Like Berries health.


ระวังยาป้ายแบบใหม่ กระดาษพับผงยาสลบ


ย า ป้ า ย แบบใหม่ผงฝุ่นจะทำลายระบบความจำชั่วคราวอย่ารับกระดาษจากคนแปลกหน้า

ถ้าจะรับด้วยกรณีใดให้สังเกตุ การพับ และสถานที่ ว่าปลอดภัยหรือไม่นอกจาก "ยาป้าย" แล้วยังมียาอีกชนิดหนึ่งเพื่อนเราเคยเกือบโดนบนรถเมล์สาย 47 เขานั่งอยู่คนเดียวกำลังจะกลับถึงบ้านแล้ว ก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนมี ผู้ชายมองอยู่ข้างหลัง 2-3 คน พอถึงป้ายราชดำเนินผู้ชาย 1 ในนั้นก็เดินมาหาเค้าแล้วยื่นกระดาษที่พับไว้แผ่นนึงให้เค้าแต่ไม่ได้รับ เพราะปกติเป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้ว แต่ชายคนนั้นก็คะยั้นคะยอให้เค้ารับให้ได้แต่เค้าก็ไม่รับอยู่ดี กลุ่มคนพวกนั้นก็เลยรีบลงจากรถพร้อมกับมองเค้าด้วยท่าทางที่หงุดหงิด
 

พอกลับถึงบ้านเลยเล่าให้พ่อแม่ฟังว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นพ่อเค้าก็ตกใจเพราะนึกได้ว่าเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วมันเกิดกับคนแถวๆบ้านนั่นแหละ...
 

คือโดนยื่นกระดาษเหมือนกันแล้วก็รับมาพอเปิดดูก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มารู้อีกทีก็อยู่สนามหลวง แต่ไม่มีของติดตัวเลย ทั้งกระเป๋าตังค์ และสร้อยคอ ไปแจ้งความก็ทำอะไรใครไม่ได
 

สรุปได้ว่ามันเป็นยามึนชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นผง ๆ เมื่อเปิดกระดาษ มันก็จะฟุ้งออกมาทันที ใครโดนยานี้จะคล้ายกับโดนยาป้าย ช่วย ๆ ระวังกันด้วย

ที่มา www.oknation.net