วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

ที่ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสุดแหวกแนว






ที่ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสุดแหวกแนว

นักออกแบบแดนไก่งวงสร้างที่ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์สำหร
ับรถยนต์ไฟฟ้าสุดแหวกแนว

นักออกแบบจากประเทศตุรกีคิดไอเดียสร้างสรรค์ที่ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีหลังคากันแดด สามารถใช้เป็นที่จอดรถที่สามารถปกป้องรถยนต์จากสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ในขณะที่ชาร์จพลังงาน 

อุปกรณ์ดังกล่าวมีชื่อว่า “V-Tent” ปลอดภัยในการจอดรถ สะดวกสบายในการชาร์จพลังงานรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในบ้านหรือในเมือง เมื่อตั้งหลังคาขึ้นจะสามารถป้องกันรถยนต์จากสภาพอากาศได้ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดหรือน้ำฝ 

การนำ “V-Tent” มาใช้งานในที่สาธารณะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายที่จอดรถ และด้วยความเรียบง่ายในการใช้งาน ผู้ใช้บริการสามารถกำหนดเวลาในการชาร์จได้ อำนวยความสะดวกในการชำระเงินค่าบริการในการชาร์จพลังงานด้วยบัตรเครดิต

วัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างหลังคาทำมาจากสิ่งทอซ้อนกันหลายชั้นรวมกับแผงพลังงานแสงอาทิตย์แบบยืดหยุ่น ชั้นในสุดของสิ่งทอจะมีวัสดุสะท้อนแสงและชั้นกลางจะมีท่อระบายความร้อนขนาดเล็กเพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุร้อนเกินไป

นอกจากนี้พลังงานที่สร้างจากเครื่องชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์อเนกประสงค์ดังกล่าว ยังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในเมืองได้อีกด้วย

“V-Tent” เป็นตัวอย่างไอเดียที่สร้างสรรค์เหมาะกับสถานการณ์ของโลกปัจจุบันอย่างมาก อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในตัวมันเอง หากมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ของสิ่งแวดล้อมและพลังงานได้อย่างมาก

ที่มา:พลังงานแสงอาทิตย์

เปรูแจกโซลาเซลล์ ให้คนจน 2 ล้านคนใช้ไฟฟ้าฟรี


เปรูแจกโซลาเซลล์ ให้คนจน 2 ล้านคนใช้ไฟฟ้าฟรี

ในไทยรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือคนยากจน ด้วยการอุดหนุนราคาน้ำมันและแก๊ส รวมถึงให้ใช้ไฟฟ้าฟรีในปริมาณที่จำกัด แต่เปรู ประเทศเล็กๆในละตินอเมริกากลับก้าวไกลไปกว่านั้น ด้วยการที่รัฐบาลออกนโยบายติดตั้งแผงโซลาเซลล์ฟรีให้กับประชาชนที่ยากจน เพื่อให้คนเหล่านี้มีพลังงานไฟฟ้าใช้แบบฟรีๆ และยั่งยืน

ชื่อของโครงการนี้ เรียกแบบไทยๆ คงต้องเรียกว่า "โซลาเซล์เอื้ออาทร" เป็นอภิมหาโปรเจ็กที่นายโอยันตา อูมาลา ประธานาธิบดีเปรูตั้งใจมอบให้แก่คนจนที่สุด 2 ล้านคนในประเทศ หรือคิดเป็น 5 แสนครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารในหุบเขา หรือเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมเผ่าต่างๆ คนเหล่านี้อยู่ห่างไกลจากระบบสาธารณูปโภคทุกชนิด แม้แต่ความสะดวกสบายขั้นพื้นฐานที่สุดอย่างไฟฟ้า โดยการจะทำเสาส่งไฟฟ้าและสายไฟ ก็จะเป็นการไม่คุ้มทุน เพราะหมู่บ้านยากจนเหล่านี้ตั้งอยู่บนเขาสูง และอยู่ห่างจากกันค่อนข้างมาก รัฐบาลจึงประเมินว่าการใช้โซลาเซลล์ เป็นวิธีกำเนิดไฟฟ้าที่คุ้มทุนที่สุด สะดวกสบายที่สุด

โดยโครงการนี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วที่แรกในเมืองกอนตูมาเซ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ รัฐบาลได้ติดตั้งแผงโซลาเซลล์จำนวน 1,601 แผงให้กับหมู่บ้านที่ยากจนห่างไกล และประเมินไว้ว่า เมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ 100% ก็จะทำให้ชาวเปรูกว่า 95% มีไฟฟ้าใช้ภายในปี 2016

การติดตั้งแผงโซลาเซลล์นี้ นอกจากจะทำให้ชาวเปรูจำนวนมากไม่ต้องใช้แสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันให้เสียสุขภาพจากไอน้ำมันก๊าด ยังเป็นการกระตุ้นธรกิจผลิตโซลาเซลล์ในประเทศอีกด้วย เพราะโครงการนี้ใช้แผงโซลาเซลล์ที่ผลิตในเปรูทั้งหมด นอกจากนี้ ภายในสิ้นปีนี้ยังจะมีการประมูลบริษัทผู็ดูแลซ่อมแซมโซลาเซลล์เหล่านี้ ซึ่งก็จะทำให้เงินทุนหมุนเวียน ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมากอีกด้วย

หลายๆคนอาจจะตั้งคำถามว่าเปรูเป็นประเทศเล็กๆ ทำไมถึงยังทำเรื่องที่เป็นรัฐสวัสดิการใหญ่ขนาดนี้ได้ แล้วประเทศใหญ่ๆ ทำไมถึงไม่ทำ เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจ เพราะหลายประเทศในละตินอเมริกา รวมถึงเปรู เป็นประเทศแนวสังคมนิยม และมักมีนโยบายเอาใจประชาชนยากจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่แล้ว หลายๆคนอาจจะเรียกนโยบายแบบนี้ว่าประชานิยม แต่การที่ประชาชนได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล จนเลือกรัฐบาลนั้นต่อไปเรื่อยๆ ก็ดูจะไม่ได้เป็นเรื่องผิดแปลกอะไรในหลักการประชาธิปไตยสากล


ที่มา สมาคมผู้รับผิดชอบ ด้านพลังงาน

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะตูม


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะตูม
ผลโตเต็มที่ - ฝานเป็นชิ้นบางๆ ตากแห้งคั่วให้เหลือง ชงรับประทาน แก้ท้องเดิน ท้องเสีย ท้องร่วง โรคลำไส้เรื้อรังในเด็ก
ผลแก่จัดแต่ยังไม่สุก - น้ำมาเชื่อมรับประทานต่างขนมหวาน จะมีกลิ่นหอม และรสชวนรับประทาน บำรุงกำลัง รักษาธาตุ ขับลม

ผลสุก - รับประทานต่างผลไม้ เป็นยาระบายท้อง และยาประจำธาตุของผู้สูงอายุ ที่ท้องผูกเป็นประจำ
ใบ - ใส่แกงบวช เพื่อแต่งกลิ่น
ราก - แก้หืด หอบ แก้ไอ แก้ไข้ ขับลม แก้มุตกิต

วิธีและปริมาณที่ใช้
ใช้ผลโตเต็มที่ ฝานตากแห้ง คั่วให้เหลือง ชงน้ำดื่ม ใช้ 2-3 ชิ้น ชงน้ำเดือดความแรง 1 ใน 10 ดื่มแทนน้ำชา หรือชงด้วยน้ำเดือด 2 ถ้วยแก้ว ดื่มครั้งละครึ่งถ้วยแก้ว
๐๐ใช้เพื่อสมาธิ
ผลมะตูมยังมีสรรพคุณพิเศษอีกอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรม มุ่งแสวงหาทางพ้นทุกข์
นั่นก็คือมีฤทธิ์ลดความกำหนัด คลายกังวล และช่วยให้สมาธิดีขึ้น จึงนิยมใช้เป็นน้ำปานะถวายพระสงฆ์นั่นเอง
การดื่มน้ำมะตูมเป็นประจำจะช่วยลดความต้องการทางเพศ ให้น้อยลง ลดความกระวนกระวายของจิตใจและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ หากหยุดดื่มก็ไม่มีผลกระทบใดๆเช่นกัน
แต่จากการทดลอง มันจะต้องค่อยเป็นค่อยไปและหากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือเสพสื่อสิ่งกระตุ้นความกำหนัดแล้ว ต่อให้ดื่มเป็นโอ่งก็เอาไม่อยู่
มาลองทำน้ำมะตูมดื่มกันบ้างก็ดีนะครับ
ส่วนผสม
- มะตูมแห้ง 8 กรัม( 2ชิ้น )
- น้ำตาลทราย 15 กรัม( 1 ช้อนคาว )
- น้ำเปล่า 240 กรัม( 16 ช้อนคาว )
วิธีทำ
นำ มะตูมแห้งมาล้างให้สะอาด ปิ้งไฟให้หอม นำไปใส่หม้อเติมน้ำ ตั้งไฟเคี่ยวสักครู่ ยกลงกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำตาลทรายตั้งไฟให้ละลายชิมรสตามชอบ


ที่มา ชมรมแพทย์แผนไทย อ.แก่งกระจาน

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

15 ข้อฝึกหาความสุขแบบตัดตรง(ไม่หรูหราแต่ได้ผลจริง) พศิน อินทรวงค์


15 ข้อฝึกหาความสุขแบบตัดตรง(ไม่หรูหราแต่ได้ผลจริง) พศิน อินทรวงค์

1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมาก อย่าปล่อยให้จิตใจวนไปวนมากับความรู้สึกของตัวเอง เหมือนจมอยู่ในอ่าง ลองเปิดตามองไปรอบๆ แล้วมองให้เห็นว่า คนบนโลกนี้มีมากมายแค่ไหน ตัวเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลก ดังนั้นก็อย่าไปให้ความสำคัญกับมันมากนัก ทุกข์บ้าง ผิดบ้าง เรื่องธรรมดา

2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย ในแง่ของความสุข เราไม่จำเป็นต้องสะสมอะไรเพื่อให้มีความสุข วิธีมีความสุขของคนเรามีมากมายหลายอย่าง และเราไม่ควรเลือกวิธีที่สร้างภาระให้กับตนเอง

3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หัดเว้นที่วางไว้ให้ความผิดพลาดบ้าง ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องไร้ที่ติ การผิดบ้างถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เพียงแต่เราต้องรู้จักปรับปรุงตนเองไม่ให้ผิดพลาดบ่อยๆ ซ้ำๆซากๆ

4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว คนที่พูดจาไม่ดี แม้ว่าคำพูดจะดูฉลาดหลักแหลมเพียงไรมันก็คือความโง่ชนิดหนึ่ง คนที่พูดแต่เรื่องไม่ดีของคนอื่นนับเป็นคนหาความสุขได้ยากนัก

5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย ดังนั้น อย่าไปเสียเวลาคิดมาก อย่าไปย้ำคิดย้ำทำ อย่าไปหลงยึดไว้เกินความจำเป็น ให้รู้จักธรรมชาติของมัน การยึดติดกับวัตถุ บุคคล หรือความรู้สึกจนเกินเหตุ คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู้ และต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนปล่อยวางอะไรง่ายๆ เข้าไว้

6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า "เรามาถูกทางแล้ว" แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา ขอให้รู้ว่า คำนินทาคือของคู่กับมนุษย์โลก มีมาช้านานแล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้า นักบุญ คนที่สร้างคุณงามความดีไว้กับโลกมากมายยังถูกนินทา แล้วเราเป็นใครจะไม่ถูกนินทา ดังนั้น อย่าไปใส่ใจให้มาก ถ้าอะไรที่ดีเก็บไว้ปรับปรุงตัว อะไรที่ไม่ดี ทิ้งมันไว้ไม่ต้องไปตีคราคาสร้างค่าให้คำพูดไร้สาระ ส่วนตัวเราเอง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกตนเองให้เป็นผู้ไม่นินทาคนอื่นเช่นกัน

7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน การยุติความเป็นขี้ข้าของอำนาจเงินนี้ พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ ชีวิตทั้งชีวิตของเรา ก็จะเป็นชีวิตที่เกิดมาแล้วตายไปเปล่าๆ ด้วยเหตุที่ว่า ใช้เวลาหมดไปกับการสะสมเงินทองที่เอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว

8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียงความถูกต้องที่กิเลสของตัวเองลากไป ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตรงธรรมอย่างแท้จริง ดังนั้น การยอมเสียเปรียบ การให้ผู้อื่นด้วยความเบิกบานจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าที่เราคิดกัน มีแรงให้เอาแรงช่วย มีเงินให้เอาเงินช่วย มีความรู้ก็เอาความรู้เข้าไปช่วย ในหนึ่งวัน เราควรถามตัวเองว่า วันนี้เราได้ช่วยใครไปแล้วหรือยัง เราได้เสียเปรียบใครหรือยัง ถ้าคำตอบคือ "ยัง" ให้รู้เอาไว้เลยว่า เราเป็นอีกคนที่มีแนวโน้มจะหาความสุขได้ยากเต็มที

9. ฝึกตัวเองให้เป็นแสงสว่างในที่มืด หมายความว่า ตรงไหนที่มันมืด เราควรไปเป็นดวงไฟส่องทางให้เขา ตรงไหนที่ไม่มีคนช่วย เราควรไปทำ เช่น ลองหาเวลาไปรับประทานอาหารร้านที่ไม่มีลูกค้าเข้า อย่ามุ่งแต่เรื่องกิน ให้การกินของเรามันเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง ร้านเขาไม่มีลูกค้า แล้วเราเข้าไปนั่ง มันไม่ใช่แค่เงิน แต่มันหมายถึงกำลังใจ อย่าคิดถึงการบริการที่ดีที่สุด อย่าคิดถึงรสชาติของอาหารให้มากนัก ให้คิดว่า เรากำลังเป็นผู้ให้ เดินเข้าร้านหนังสือ หนังสือเล่มไหน เก่าที่สุด เราอ่านเนื้อหาแล้วสนใจ หยิบมันขึ้นมาแล้วจ่ายเงิน นำมันกลับบ้าน เหลือหนังสือเล่มสวยๆ ไว้ให้คนอื่นๆ ได้ซื้อได้อ่าน อย่าไปบ้ากับการเก็บสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปบ้ากับการปรนเปรอสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเอง แต่ให้เน้นจิตใจที่ดีที่สุด ใช้วัตถุ ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการซื้อจิตใจดีๆ สูงๆ สะอาดๆ ของเรากลับคืนมา วัตถุเป็นเรื่องไม่จีรัง แต่จิตใจดีๆ นั้นเป็นทั้งหมดของชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้จักรักษาดูแลเอาไว้ไม่ให้เกิดความเสียหาย

10. ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำนาจวัตถุนิยม หมายความว่า ต้องรู้จักยับยั้งช่างใจ และมีปัญญาในการมองเห็นว่า อะไรคือสิ่งจำเป็น อะไรคือสิ่งที่เราถูกโฆษณาหลอก เรากำลังเป็นตัวของตัวเอง หรือเรากำลังบ้ากระแสสังคมอย่างไม่ลืมหูลืมตา ลดความจำเป็นเรื่องแฟชั่น ลดความจำเป็นเรื่องโทรศัพท์ ลดความจำเป็นเรื่องสิ่งของเครื่องใช้ ก่อนจะซื้อ ก่อนจะอยากได้ ให้ลองถามตัวเองว่า เราอยากได้เพราะอะไร เพราะมันจำเป็น เพราะอยากเท่ อยากดูดีในสายตาของอื่น หรือเพราะอะไรกันแน่ๆ ตอบตัวเองให้ได้ชัดๆ ในเรื่องของความจำเป็นนี้ พูดได้เลยว่า ของในชีวิตส่วนใหญ่ที่เราครอบครองกันอยู่
มีไว้โชว์ มากกว่ามีไว้ใช้

11. ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริงง่ายๆ หมายความว่า อะไรที่ทำผิด อย่าดันทุรัง ให้พูดคำว่า ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ฝึกพูดคำเหล่านี้ให้เป็นเรื่องปกติ ความผิดไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การผิดแล้วไม่ยอมรับผิดนั้นเป็นเรื่องเสียหาย และส่งผลเสียกับชีวิตเป็นวงกว้าง เพราะการปรับปรุงตัวนั้นมีจุดเริ่มต้นจากการที่คนๆ หนึ่งรู้ตัวว่าทำไม่ดี ดังนั้นคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำไม่ดีแล้วดันทุรัง ก็คือคนที่ไม่มีโอกาสปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น ขอให้รู้ว่า เมื่อเราทำผิด ต่อให้ปากแข็งแค่ไหน ดันทุรังแค่ไหน ผิดมันก็คือผิด หลอกตัวเองได้ แต่หลอกคนอื่นไม่ได้ เหมือนเราบอกว่า ไม่เหม็น แต่กลิ่นเหม็นนั้น ถ้ามันมีจริงมันก็โชยออกมาอยู่วันยังค่ำ

12. ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม หมายความว่า เมื่อคิดจะเลือกใครสักคนมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต อย่าไปมุ่งเน้นแต่ความสำเร็จด้านเงินทองเพียงอย่างเดียว แต่เราควรให้ความสำคัญกับคุณค่าในด้านอื่นๆ ด้วยเช่น ความดี คุณธรรม ความเสียสละ เราควรเคารพและชื่นชมใครซักคนที่ความดีของเขาไม่ใช่รายได้ของเขา ทุกวันนี้ คำว่าความสำเร็จถูกใช้ไปกับเรื่องของเงินๆ ทองๆ มากเกินไป ใครหาเงินได้มาก แปลว่า คนๆ นั้นประสบความสำเร็จมาก ตรงนี้เป็นการให้คุณค่าที่ผิดพลาด การคิดเช่นนี้ย่อมเป็นการปลูกฝั่งค่านิยมในระดับจิตวิญญาณที่ทำให้เราให้ตกเป็นทาสของเงิน เมื่อเราเป็นทาสของเงินเสียแล้ว เราก็จะเป็นคนที่ฝากความสุขของเราไว้กับเงินด้วย เราเลือกต้นแบบอย่างไร ชีวิตของเราก็จะมุ่งหน้าไปทางนั้น สังคมจะดีขึ้นได้ก็เริ่มจากทัศนคติของเราตรงนี้นั่นเอง

13. ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะกับคนใกล้ชิด หมายความว่า เราต้องไม่เป็นคนหน้าชื่นอกตรม คือยิ้มไปทั่วกับคนนอกบ้าน แต่กลับมาทะเลาะกับคนที่บ้าน ขอให้ใช้คนที่บ้านเป็นเครื่องมือฝึกจิตใจของตนเอง อะไรที่ยอมได้ก็ขอให้ยอม เสียเปรียบคนในครอบครัวให้มากที่สุด ดีกับเขาให้เหมือนเขาเป็นคนเดียวกับเรา อย่าเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องนอกบ้าน แต่กลับมาเก่งในบ้าน เพราะมันจะสร้างแต่ความทุกข์ให้ชีวิต ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเรา ถ้าหาความสุขจากครอบครัวไม่ได้ ความสุขที่อื่นก็ไม่ต้องพูดถึง ต่อให้หลอกคนทั้งโลกได้ว่าชีวิตประสบความสำเร็จ แต่ภาพที่สร้างขึ้นมา ก็เป็นแค่ภาพลวงตาที่จะย้อนกลับมาสร้างความละอายใจให้ตัวเองอยู่วันยังค่ำ ยอมพ่อแม่ ยอมลูกเมีย ยอมสามี ยอมคุณตาคุณยายคุณปู่คุณย่า สิ่งดีๆ ที่ทำแล้วชื่นใจก็ขอให้ทำให้บ่อย คำพูดดีๆ ที่พูดได้ก็ขอให้พูด ครอบครัวคือรากของมนุษย์ ถ้ารากของชีวิตเน่า ส่วนที่เหลือก็เน่าทั้งหมด

14. ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของศาสนาตน หมายความว่า เรานับถือศาสนาอะไรอยู่ ก็ต้องเข้าใจคำสอนของศาสนานั้น แม้ทำตามคำสั่งสอนยังไม่ได้ แต่ก็ต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ ขอให้ถามตัวเองว่า ทุกวันนี้ หัวใจของศาสนาตัวเองคืออะไร เรารู้แล้วหรือยัง หยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วลองเขียนดู ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรลงไป ก็แปลว่า เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับศาสนาของเรา อย่าหลอกตัวเองว่าเรารู้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรจะเขียน นึกเรื่องจะเขียนไม่ออก ก็แปลว่าเราไม่รู้ เรียบเรียงไม่ได้ ความคิดยังไม่ตกผลึกทั้งๆ ที่นับถือศาสนานี้มาแล้วชั่วชีวิต ย่อมหมายความว่า เราเป็นคนไม่ใส่ใจในศาสนาตนเองเท่าที่ควร ไม่ต้องไปตกใจหรือรู้สึกผิดบาป ทุกอย่างแก้ไขได้ ขอให้รีบปรับปรุงตัวเสียแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย ศาสนาเป็นรากของจิตวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทิ้งๆ ขว้างๆ แล้วค่อยไปใส่ใจในวัยชรา เพราะถึงเวลานั้น ก็คงไม่ทันการแล้ว

15. ฝึกตัวเองให้ค่อยๆ ทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสั่งสอนจนสำเร็จ หมายความว่า เมื่อรู้ว่าศาสนาของตนสอนอะไร ก็ขอให้ทำ ทำด้วยความเบิกบาน ไม่จำเป็นต้องทำได้ทั้งหมด แต่ขอให้ทำเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นทุกวัน อย่าน้อย ในแง่ของศีลธรรมก็ควรจะทำให้ได้ อย่าน้อยที่สุด ก็ขอให้อายตัวเองเมื่อคิดจะพูดโกหก เมื่อจะเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตรงธรรม บุคคลในอุดมคติของแต่ละศาสนาไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีโอกาสไปถึง สำหรับคนที่ไม่มีศาสนา หรือไม่นับถืออะไร ก็ขอให้นับถือความดี ซื่อสัตย์กับความดี
คาถาง่ายๆ ที่สำหรับผู้ไม่มีศาสนาก็คื
"เราไม่ชอบสิ่งไหนก็อย่าไปทำสิ่งนั้นกับคนอื่น"
ส่วนศีลสำหรับคนไร้ศาสนานั้นมีอยู่เพียงข้อเดียวนั่นก็คือ
"อย่าขโมยความดีไปจากจิตใจของตนเอง"
คาถาหนึ่งบท กับศีลหนึ่งข้อ ถ้าทำได้ แม้เป็นคนไม่มีศาสนา ก็ไม่เป็นภาระต่อโลกในนี้ เรียกได้ว่าเป็นพลเมืองที่ดีของโลกและเพื่อนมนุษย์แล้วโดยสมบูรณ์

วิธีหาความสุขทั้ง 15 ข้อนี้คือสิ่งที่ทำได้ทันที แบบไม่ต้องรีรอ ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ ข้อไหนสะดวกใจให้ทำก่อน ข้อไหนรู้สึกว่ายากก็เว้นเอาไว้ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เก็บไปทีละข้อ จนครบทั้ง 15 ข้อ ถึงแม้คุณไม่ได้บรรลุธรรมแต่คุณก็จะเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าที่สุดคนหนึ่งทีเดียว และหากใครเบื่อการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อทำทั้ง 15 ข้อนี้ได้ก็มีโอกาสบรรลุเป็นอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งในชาติปัจจุบัน เปรียบเหมือนคนที่เตรียมความพร้อมมาดี เพียงเติมส่วนที่ขาดเล็กน้อยก็บรรลุถึงฝั่งฝันได้ไม่ยา 
ขอให้ทุกคนสนุกกับการหาความสุขให้ตนเองในแบบง่ายๆ
ยิ้มทุกวัน มองฟ้าให้เป็นฟ้า
มีปัญญาสามารถเปลี่ยนโลกแห่งนี้
ให้เป็นสวนดอกไม้แห่งชีวิตได้สำเร็จกันทุกคน...

กำลังใจ

• ‘กำลังใจ’ นั้นมีความหมายเป็น ‘พลังขับเคลื่อนชีวิต’ จริงๆ
ไม่ใช่แค่อุปมาอุปไมย
ไม่คิดถึงก้าวสุดท้าย เลยเป็นเหตุให้ไม่มีกำลังใจ
ไม่มีกำลังใจ เลยเป็นเหตุให้ก้าวแรกล้มเหลว
แต่คิดถึงก้าวสุดท้ายมากๆ เป็นเหตุให้ท้อถอย
ท้อถอยมากๆ เป็นเหตุให้ไปไม่ถึงก้าวสุดท้าย

• อุปสรรค
เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ในก้าวปัจจุบัน
ก้าวปัจจุบันจึงเป็นก้าวที่น่าเบื่อ 
เหมือนกลิ่นเหม็นบูด
ส่วนก้าวสุดท้ายเป็นก้าวที่สดใส 
เหมือนกลิ่นหอมหวน
ศรัทธาในก้าวสุดท้าย จึงปรุงแต่งให้ก้าวนี้หอมขึ้น
สดใสสว่างขึ้นกว่าเดิม ไม่มากก็น้อย

• แต่การเรียกร้องกำลังใจเกินเหตุ
ก็อาจกลับข้างเป็นตัวบั่นทอนพลังขับเคลื่อน
ได้เหมือนกัน
เช่นการคิดถึงก้าวสุดท้ายมากๆ
ก็เป็นเหตุให้รู้สึกเหมือนไกลเกินเอื้อม
อยู่ห่างสุดกู่จากจุดเริ่มต้น ชวนให้นึกท้อ อยากถอย
ท้อถอยมากๆเป็นเหตุให้ไปไม่ถึงก้าวสุดท้ายเสียที

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. 

• หากคิดเป็นสัดส่วนที่อยู่ตรงกลางจริง
แบ่งความคิดเป็นสิบส่วน
อนุญาตให้คิดถึงก้าวสุดท้ายได้หนึ่งส่วน
อีกเก้าส่วนต้องคิดถึงก้าวปัจจุบัน

เพราะด้วยสัดส่วนนี้จะทำให้เกิดการประเมินผลว่า..
"มาไกลแค่ไหนแล้ว ?"
"ทำมาได้ถึงไหนแล้ว ?"
เพื่อจะได้เกิดแรงจูงใจให้ก้าวต่อไปอีก
ในวันรุ่งขึ้น

แต่หากคิดถึงก้าวสุดท้ายตั้งแต่สี่ส่วนขึ้นไป
จะกลายเป็นความรู้สึกว่า..
"เมื่อไหร่จะถึงสักที ?" เลื่อนลอยจัง
ชาตินี้คงไม่มีหวังกับเขาหรอก

ทั้งนี้ อัตราส่วนทางความคิดถึงก้าวสุดท้าย
ใช้ได้ทั้งกับทางโลกและทางธรรมครับ
เพราะระบบความคิดที่ถูกจัดสรรไว้ให้อดีต
กับอนาคตมากเกินไป
จะเป็นตัวยับยั้งความเคลื่อนไหว
ไม่ใช่กระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหว

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. 

• เหตุถูกผลย่อมถูก
คนก้าวเดินไปเรื่อยๆ ก็ออกห่างจากจุดเริ่มต้นมาเรื่อยๆ
และเหตุผิดผลย่อมผิด
คนที่เอาแต่คิดถึงจุดสุดท้ายไปเรื่อยๆ
ก็จะพบว่าตนเองย่ำอยู่กับที่ไปเรื่อยๆเช่นกัน

• ความฟุ้งซ่านกับท้อถอย
เป็นผลจากการ ‘ย้ำคิด’ ว่าไปไม่ถึงไหน
ส่วนความสงบกับกำลังใจ 
ก็เป็นผลจากการ ‘ทำจริงๆ’
เห็นตัวเอง ‘กำลังรุดหน้า’ อยู่จริงๆ
ไม่ใช่เอาแต่คิดถามว่ามาถึงไหนแล้ว
และมองหาอนาคตที่ไม่เห็นอยู่นั่นแล้ว

• เดินสายกลางคือเดินอยู่ที่ก้าวไหน 
สติก็อยู่กับก้าวนั้นครับ

• ถ้าเมื่อใดรู้สึกว่า
เดินอยู่ที่ก้าวไหนสติก็อยู่กับก้าวนั้น
นั่นแหละควรเป็น ‘กำลังใจ’
ความเชื่อมั่นในตนเอง
กับศรัทธาในการไปให้ถึงก้าวสุดท้าย
จนได้ในวันหนึ่งครับ

#ดังตฤณ
http://www.facebook.com/dungtrin

"กลุ่มอาการกตัญญูเฉียบพลัน" (Acute กตัญญู syndrome)


"กลุ่มอาการกตัญญูเฉียบพลัน" (Acute กตัญญู syndrome)

หลายครั้งเมื่อต้องดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือโรคมะเร็งที่อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พบได้เสมอๆที่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งแล้วการรักษาทำได้แค่ประคับประคองและทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายและมีรู้สึกมีค่ามากที่สุด เพื่อจะรอให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ (Palliative care) หลายครอบครัวเลือกที่จะไม่ปั้มหัวใจ ไม่ใส่ท่อช่วยหัวใจ เพราะไม่อยากให้ผู้ป่วยต้องทรมาณกับผลแทรกซ้อนจากการใส่ท่อ และการปั้มหัวใจเช่น ซี่โครงหัก ปอดฉีก และไม่อยากให้ทรมารกับตัวโรคที่มีแต่จะแย่ลงเรื่อย เช่นมะเร็งแพร่กระจายไปทั่วซี่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการต่างๆเช่นปวดกระดูกมาก หายใจเหนื่อย แน่นท้องมาก และอาการอื่นๆที่ทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดทรมาณ และคนที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นญาติที่คอยดูแลใกล้ชิดอยู่ทุกๆวัน ได้เห็น และเข้าใจความทุกข์ของผู้ป่วยดี คนดูแลกลุ่มนี้มักจะทำใจได้และพร้อมที่จะให้คนที่รักที่สุดจากไปอย่างสงบเมื่อถึงเวลา แม้ว่าการลาจากจะทำให้เศร้าเสียใจอย่างที่สุด และขณะเดียวกันจะมีญาติอีกพวกนึง ร้อยวันพันชาติ ไม่เคยมาดูแดพ่อแม่ ปู่ย่า ที่ป่วยไข้เลย แต่พอถึงจุดสุดท้ายผู้ป่วยใกล้จะเสียชีวิตถึงจะมาเยี่ยม พวกนี้มักเกิดอาการ "กตัญญูเฉียบพลัน" ยกตัวอย่าง คำที่ญาติที่มีอาการกตัญญูเฉียบพลันมักพูดให้หมอได้ยินบ่อยๆคือ "หมอทำเต็มที่เลย จะปั้มหัวใจ จะใส่ท่อ ทำยังไงก็ได้ให้คนไข้รอด" สุดท้ายหมอต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ต้องปั้มหัวใจ จนซี่โครงหัก ปอดฉีก คนไข้บางคนเจ็บปวดทรมาณมากขึ้นกว่าเดิม และท้ายที่สุดก็ยังเสียชีวิตอยู่ดี คงบอกไม่ได้ว่าอะไรดีกว่าระหว่างยื้อไว้อีกนาที ชั่วโมง วันนึง หรือให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ ..... ประเด็นคือบางครั้งญาติกลุ่มหลังอยากให้หมอช่วยทั้งๆที่ รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ไม่ไหวแล้ว แต่อยากให้หมอช่วยเพียงเพราะอยากให้รู้ว่าตัวเองยังมีความกตัญญูห่วงใยไม่อยากให้คนไข้จากไป......

จะดูแลคนที่รัก จะดูแลพ่อแม่ทำตั้งแต่วันนี้วันที่ท่านยังอยู่กับเรา อย่ารอจนมีอาการกตัญญูเฉียบพลัน....


ที่มา ที่เห็นและเป็นอยู่

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

กระเป๋าโซล่าเซลล์

กระเป๋าโซล่าเซลล์

Solar Bag กระเป๋าเป้ไฮเทค ใช้เป็นแหล่งชาร์ตพลังงานแบบเคลื่อนที่ ไอเดียดีๆ เหมาะสำหรับนักเดินทาง มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบรีชาร์จ ที่สามารถเก็บสะสมพลังงานสำหรับการใช้งานในอนาคต ทั้งยังมีหลายพอร์ตให้สามารถต่อเชื่อมได้ เพื่อชาร์จโทรศัพท์มือถือ MP3 และอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

เป้ไฮเทคนี้จะประกอบด้วย 4 ส่วนประกอบ คือ ตัวกระเป๋า แถบโซล่าเซลล์ ชุดชาร์ตแบตเตอร์รี่ และชุดดัดแปลง (adapters) กระเป๋าเป้โซล่าเซลล์นี้ สามารถชาร์ตได้เฉพาะเครื่องใช้ ไฟฟ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อย เช่น โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป PDA GPS เครื่องเล่นเกมส์ PSP และ MP3 เท่านั้น ซึ่งน่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่สามารถชาร์ตคอมพิวเตอร์ laptops ได้

กระเป๋าโซล่าเซลล์นี้มีน้ำหนักเบา ทนทาน กันน้ำได้ แผงโซล่าเซลล์สามารถผลิตไฟฟ้ากำลังไฟ 2.7-4 วัตต์ ทำให้ชาร์ตพลังงานได้อย่างรวดเร็ว และพลังงานที่เกินจากการชาร์ตเครื่องใช้ไฟฟ้าปกติ จะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ (Li Ion) ซึ่งคุณสามารถดึงพลังงานมาใช้งานได้ในยามไม่มีแสงแดด



เวลาโดยประมาณเมื่อชาร์ตในภาวะได้รับแสงแดดเต็มที่
- โทรศัพท์มือถือ 1.5-3 ชั่วโมง
- กล้องถ่ายภาพดิจิตอล (5.8V) 2-4 ชั่วโมง
- เครื่องเล่น MP3 1-3 ชั่วโมง



ที่มา : สำนักนวัตกรรม

solar roof ..ที่นี่ .. ประเทศไทย..

Solar roof ..ที่นี่ .. ประเทศไทย..

ตามประกาศจากหน่วยงานของรัฐ สำหรับการติดตั้งระบบโซลาร์อาคารบ้านเรือน ขนาด 5 กิโลวัตต์ ต่อหลัง.... ดู..แล้ว..งง.. 8 จังหวัด .. ให้ติด 5 หลังคาเรือน .. แล้วจะตกจังหวัดละกี่หลังคาเรือน...เสมือนมีขนม 5 ชิ้น เรียกเด็กมารับ 8 คน.. แบ่งไ่ม่ได้.. จะต้องมีเด็กที่ไม่ไ้ด้กินขนม 3 คน เดินคอตก กลับบ้าน....แค่นี้ยังไม่พอ .. ก้ต้องมีการส่งคำขอ .. อาจจะมากกว่าการที่เด้กสอบเอ็นทรานซ์ คณะดี ๆ สมัครเป็นหมื่น .. แต่..รับแค่ 100 .. คน

แล้วที่ให้ติดโซลาร์ 5,000 วัตต์ กับค่าใช้จ่าย 300,000.- บาท .. ตกวัตต์ละ 60 บาท... เอาว่า ติดเอง แบบที่เดินทางสอนและติดทั่วประเทศ.. ใช้แผ่นอะมอร์ฟัสไวแสงจากญี่ปุ่น 121 วัตต์ ราคา 5,000.- บาทต่อแผ่น ใช้ทั้งหมด 42 แผ่น เท่ากับ 5,040 วัตต์ คิดเป็นราคาแผ่น 210,000.- บาท และ กริดไทด์ 3,000 วัตต์ ญี่ปุ่น ราคาประมาณ 30,000.- บาท ค่าโครงเหล็ก สาย เบรกเกอร์ ประมาณ 12,000.- บาท รวมทั้งสิ้น 252,000. - บาท... นี่ใช้ของญี่ปุ่น ของคุณภาพแล้วนะ .

. แต่ ช้าก่อน เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา มีโครงการโซลาร์เือื้ออาทร ได้มีการปรับภาษีนำเข้าโซลาร์เซลล์ ให้เหลือ 0 % นับตั้วแต่นั้นมา ทำให้โซลาร์เซลล์ราคาถูกลงมาเรื่อย ๆ. ขอบคุณพี่ชาย . วันหนึ่งก็มีการประกาศว่า โซลาร์เซลล์ที่ติดไดโอดบายพาสในกล่องเทอร์มินอลด้านหลังแผ่น คิดพิกัดเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า .. จะต้องเสียภาษีนำเข้่า 10 % และ แว๊ท 7 %จากฐานราคาที่รวมภาษีนำเข้าแล้ว ยุ่งละซิ เพราะ ของคุณภาพจะฝังไดโอดแบบซีลมาจากโรงงาน ..ทำให้ราคาแผ่นโซลาร์ ที่มีไดโอดต้องมีต้นทุนสูงขึ้นเป็น 10.7 % ทันที่.. แต่ก้ยังโชคดี.. ไม่รู้จีนรู้ได้งัยว่าจะเก็บภาษีแบบนี้ ก็เลยมาแบบไม่ต้องใส่ไดโอด.. สาธุ ..
อย่าเพิ่งดีใจว่าติดเองก็ได้ ถึงหาของเองก็ไม่รู้ได้หรือไม่ เพราะอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ จะต้องผ่านการเซอร์ก่อน.. ไม่เซอร์ไม่ผ่าน.. ไม่มีสิทธิ์.. ยังมีอีก..แม็ก ..มีประกาศจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง.. ผู้ที่จะติดโซลาร์ได้ .. จะต้องมีใบอนุญาติ..จากหน่วยงานก่อน .. แล้วทีมงานอาสาทำงานโซลาร์ ติดวัด สวน โรงเรียน ศุนยืเรียนรู้ มาตั้ง 4 ปีแล้ว ไม่มีใบอนุญาติ สงสัย .. ทำผิดกฏของรัฐแล้วเรา..คุก.. ๆ ซะแล้ว..

ยังไม่พอ ท่านจะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ คณะกรรมการประกอบกิจการพลังงานและ ค่ามิเตอร์ TOU อีกเท่าไร... ประมาณ 30,000.- บาท ด้วยนะ.. จะบอกให้..

คราวนี้มาดุค่าไฟแบบ feed in tallip... เป็นค่าไฟที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง.. อะไรวะ.ตลอด ..25 ปี หมายความว่า การไฟฟ้าจะรับซื้อ... 6.96 บาท... ต่อหน่วย เป็นเวลา 25 ปี... แต่เมื่อต้นทุนคืนแล้ว ราคารับซื้อจะลดลงกว่านี้อีกนะ .. อาจจะเหลือ 5.5 บาทต่อหน่วยก็ได้

แต่การรับซื้อแบบนี้ แตกต่างจากการรับซื้อที่รัฐรับซื้อ แบบ มีค่า ADDER 8 บาท กับโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ ที่คิดราคาค่าไฟฐาน บวก FT. บวก ADDER ซึ่งรวมแล้ว โซลาร์ฟาร์มจะได้.. 12 บาท...ต่อหน่วย และ....ขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามค่าไฟฐานและค่า FT1 ที่ขึ้นเท่าไรเท่ากัน 10 ปี หรืออาจจะมีการต่ออายุไปอีกก็ได้ .

มาดูมิเตอร์ TOU ที่ท่านจะต้องเปลี่ยนจากแบบธรรมดาที่เป็นล้อหมุน มาเป็นแบบดิจิตอล คิดค่าไฟตามเวลา ตามค่าพีค... ตามค่าพาวเวอร์แฟคเตอร์... ที่กำลังมีปัญหาที่จะต้องปรับปรุงค่า เหล่านี้ตามวัด. สิ่งที่ท่านจะต้องจ่าย . ค่าไฟกลางวันของมิเตอร์แบบ TOU ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม ราคาหน่วยละ 5.2674 บวก FT 0.95 บาท เท่ากับ 6.217 บวกแว๊ท 7% เท่ากับ 6.65 บาทต่อหน่วย ... ส่วนกลางคืนจ่าย 2.1827 บวก Ft. บวกแว๊ท เท่ากับ 3.35 บาท หลัง 4 ทุ่ม ถึง 9 โมงเช้่า

โซลาร์ขนาด 5,000 วัตต์ ทั้งปี ถ้าเป็นแผ่นอะมอร์ฟัส จะคิด วันละ 5 ชั่วโมง คูน 365 วัน คูณ0.7 ซึ่งเป็นค่าที่ทดสอบของจริง 1 ปีมาแล้ว เท่ากับ 6,387 หน่วยต่อปี หรือเท่ากับ 532 หน่วยต่อเดือน ... และถ้าเป็นแผ่นแบบคริสตัลไลน์ จะคูณ 0.5 เท่ากับ 4,562 หน่วยต่อปี .. หรือเท่ากับ 380 หน่วยต่อเดือน... แต่ตัวเลขที่รัฐประเมินมากับอัตรการคืนทุน เท่ากับ 6,500 หน่วยต่อปี .. เจริญ..

บ้านเรือนที่พอจะมีกำลังติดแผ่นโซลาร์ได้ น่าจะมีการใช้ไฟฟ้าเดือนละประมาณ 2,500.- บาท หรือ 625 หน่วยต่อเดือน .. ให้ท่านไปคิดเองว่า ใช้ 625 หน่วยต่อเดือน ราคา TOU สารพัด... กับหน่วยที่ได้ 532 หรือ 380 หน่วย ต่อเดือน และต้องลงทุน 340,000.- ได้ค่าไฟ 6.96 บาทต่อหน่วย และ ซื้อไฟ 6.65 บาทต่อหน่วย เป็นเวลา 25 ปี เอาไหม....

ที่มา Phakdee Nun

...รถลาดตระเวณโจมตีเคลื่อนที่เร็ว (ฝีมือคนไทย)

...รถลาดตระเวณโจมตีเคลื่อนที่เร็ว (ฝีมือคนไทย)

ยานยนต์เคลื่อนที่เ็ร็วทางยุทธวิธี
.. รถบัคกี้ (Buggy) เป็นยานยนต์ที่มีความคล่องตัวสูง สร้างทดแทนง่าย คือ สามารถพัฒนาและผลิตได้จากวัสดุที่จัดหาจากท้องตลาดและดำเนินการผลิต โดย สรรพาวุธ ทบ. ร่วมกับ บริษัทผลิตรถยนต์ ภายในประเทศเราเอง เดือนหนึ่งสามารถสร้างได้เป็น 100 คัน ซึ่งราคารถเปล่าไม่รวม เครื่องมือสื่อสาร และระบบอาวุธที่ติดตั้ง ทั้งหลาย เบ็ดเสร็จงบประมาณต่อคัน ไม่เกิน 500,000 บาท
ราคา ขั้นต่ำสุด 200,000 บาท ก็สามารถสร้างได้


รายละเอียดรถลาดตระเวณโจมตีเคลื่อนที่เร็ว

พลประจำรถ : จำนวน 2 นาย : พลขับ พลปืนกล
ระบบขับเคลื่อน : 2 ล้อหลัง เครื่องยนต์ท้าย
เครื่องยนต์ : เบนซิน ขนาดความจุ 1300 - 1500 ซีซี.
ล้อรถ : ยางตันหล่อดอก 4 ล้อ
อาวุธ : ติดปืนกลเบา เนเกฟ ขนาด 5.56 มม. จำนวน 2 กระบอก บนช่องพลยิงบนหลังคารถ และ บริเวณกระโปรงหน้าที่นั่งด้านข้างพลขับ
อาวุธอาจเปลี่ยนเป็น ปืนกล เอ็ม-60 เครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ 40 มม. ยิงเป็นชุด และ ปืนกลหนัก M2 Browning .50 Cal
อาวุธประจำกายพลประจำรถ : ปืนพกสั้น 9 มม.ซองหน้าอก และปืนไรเฟิลพับฐานขนาด 5.56 มม.
โครงรถ : เหล็กเหนียว หรือ อลูมิเนียมอัลลอย
ระบบไฟ : แบตเตอรรี่แห้ง 12 โวลต์
ไฟส่อง : ไฟหน้า4ดวง ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ตามมาตราฐานรถยนต์ สามารถเพิ่มไฟสปอร์ตไลต์ได้ตามภาระกิจ
ระบบสื่อสาร : ติดวิทยุสื่อสารตามแบบมาตราฐานของ ทบ. พร้อมชุดปากพูดหูฟังประกอบศรีษะ...

---Supper Weapon---

เคยสงสัยถึงตัวเลขบนสติกเกอร์... ที่อยู่บนผลไม้จากเมืองนอกไหม??

เคยสงสัยถึงตัวเลขบนสติกเกอร์...ที่อยู่บนผลไม้จากเมืองนอกไหม??

ถ้ามีเลข 4 หลัก หมายความว่า
เป็นการปลูกแบบปกติ ใช้ยา ใช่ปุ๋ย(medicine)

ถ้ามีเลข 5 หลัก แล้วตัวแรกคือ 9
คือพวกออแกนิค ไร้สาร (fourleafclover)

แต่ถ้าเริ่มต้นด้วย 8 คือ GMOs
มีการตัดต่อพันธุกรรม (anguished)

(เวลาไปซื้อที่ BIG C ,แม็คโคร , โลตัส ดูกันให้ดีนะคะ )


ที่มา ร้อย8-พัน9

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

รากสามสิบ (อีกชื่อคือ สาวร้อยผัว เนื่องจากเปรียบสตรีที่ยังมีความสุขแบบสาวสองพันปี) ชื่อละครอาจเรียกสนุกๆว่า รากราคะ


รากสามสิบ (อีกชื่อคือ สาวร้อยผัว เนื่องจากเปรียบสตรีที่ยังมีความสุขแบบสาวสองพันปี) ชื่อละครอาจเรียกสนุกๆว่า รากราคะ

เห็นมีเพื่อนๆเพจพูดคุยกันเลยหามาให้อ่าน....แอดมิน
ศตวารี - สาวร้อยผัว กระชับช่องคลอด ตกขาว ประจำเดือน เรื่อง Sex กิจกรรมบนเตียง ( รากราคะ )
กระชับ ช่องคลอด ตกขาว ประจำเดือน อารมณ์เพศแปรปรวน ไร้สมรรถภาพทางเพศผู้หญิง รากสามสิบ ราชินีสมุนไพรชีวิตคู่ ดูแลปัญหาระบบภายในช่องคลอดไม่กระชับและมีปัญหาชีวิตคู่บนเตียงมีกลิ่นอับ ไม่พึ่งประสงค์ตกขาวมดลูกต่ำ สตรีวัยทอง ดูแลปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ

ปัญหาลับๆ เช่นช่องคลอดหย่อนยานไม่กระชับ ปวดท้องเวลามีประจำเดือน ประจำเดือนไม่ตรงเวลา เป็นปัญหาต่างๆ ที่รบกวนจิตใจของผู้หญิงกว่า 98% รวมถึง หน้าอกเล็กแบบ หย่อน หน้าท้องป่อง หรือปัญหาเหล่านี้เกิดจากการขาดสมดุลในฮอร์โมน แนะนำ รากสามสิบ (อีกชื่อคือ สาวร้อยผัว เนื่องจากเปรียบสตรีที่ยังมีความสุขแบบสาวสองพันปี) ชื่อละครอาจเรียกสนุกๆว่า รากราคะ

ไม่ ว่าจะเป็นกำลังเสือโคร่ง โด่งไม่รู้ล้ม สาวน้อยตกเตียง จนมาถึงรากสามสิบหรือต้นสาวร้อยผัวนี้แหละ ต่างคนต่างงงว่ามันคืออะไร สรรพคุณ ทำให้กลับมาเป็น ใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี สาว(female rejuvention) กระชับช่องคลอด ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว อารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย ภาวะหมดประจำเดือน บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ ป้องกันการแท้ง นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาบำรุงกำหนัดในเพศชายได้ด้วยครับ นอกจากนี้ยังมีการนำมาใช้เป็นยาแก้ไอ ยาแก้โรคกระเพาะ แก้ไข้ แก้อักเสบ ได้เหมือนกัน เป็นสมุนไพรที่มีการออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน ห้ามใช้กับสตรีที่มีความเสียงต่อการเป็นมะเร็ง 

สรรพคุณ

แก้ปวดประจำเดือน 
ชลอความแก่
แก้ช่องคลอดอักเสบ 
ช่วยให้ช่องคลอดกระชับ
ป้องกันการแท้ง
ช่วยระบาย
เพิ่มขนาดหน้าอกและสโพก
ลดระดับน้ำตาลในเลือด 
บำรุงผิวพรรณ

แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ 
แก้ช่องคลอดมีกลิ่น
แก้มีลูกยาก
บำรุงน้ำนม 
ช่วยขับปัสวะ
กระชับสัดส่วน 
บำรุงเลือดและหัวใจ
ลดสิวฝ้า 
แก้ตกขาว(หมาดขาว)
แก้คันในช่องคลอด 
บำรุงครรภ์ 
ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ลดกลิ่นตัวกลิ่นปาก
ลดไขมันส่วนเกิน 
บำรุงฮอร์โมนเพศ
แก้อาการวัยทอง 

"สาวร้อย ผัว" มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asparagus Racemosus Willd เป็น สมุนไพรที่คนไทยและคนเอเชียใช้กันมาช้านานแล้ว คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ เรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภาค ชื่อในภาคกลางหรือคนทั่วไปเรียกขานว่า "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก" นั่นเอง หมอยาโบราณส่วนใหญ่จะรู้ว่าสาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี จึงให้ชื่อว่า "สาวร้อยผัว" ชื่อนี้หมายถึงไม่ว่า สาวใดจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้(ไม่ได้หมายถึงสาวใจแตก) ความหมายคล้ายๆสาวสองพันปีที่ยังสาวเสมอนั่นเอง และเป็นที่น่าแปลกใจว่าในอินเดียก็เรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี(Shtavari) มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางตำราบอกว่าหมายถึงผู้หญิงที่มีร้อยสามี "Satavari" (this is an India word meaning'a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์ พระเวท ซึ่งเป็น คำภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วยซ้ำ จึงน่าจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้รากสามสิบทำ เป็นของหวานเช่นเดียวกับเมืองไทย (รากสามสิบแช่อิ่ม รากสามสิบเชื่อม)

ในตำราอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในผู้หญิง ในการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) นอกจากนี้ยังช่วย แก้ปัญหาอื่นๆของผู้หญิงเช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย ภาวะหมดปะจำ เดือน(menopause) และใช้บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ ป้องกันการแท้ง (habitual abortion) และอาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ของผู้หญิง แม้สมุนไพร ชนิดนี้จะโดดเด่นต่อสตรีเพศแล้ว ในอินเดียยังใช้ในการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย ซึ่งก็คงคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยผัว หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า "ม้าสามต๋อน" เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย และยังใช้เพื่อสรรพคุณทางยาอื่นๆอีกมาก เช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่ใช้มาก ที่สุดในอินเดียชนิดหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1992-2000 อินเดียใช้สมุนไพรชนิดนี้ถึง 8,460 ตัน เป็นอันดับสองรองจากมะขามป้อมที่ใช้อยู่ที่ 15,147 ตัน ปัจจุบันมีสารสกัดด้วยน้ำของรากสามสิบจากอินเดียไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ทั่วไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

สาวร้อยผัว หรือ รากสามสิบ เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีการศึกษาวิจัยกันมากพอสมควร ในด้านการศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งโรคเบาหวาน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ลดระดับไขมันในเลือด ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง ขับน้ำนม ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งพิษต่อตับ

ใน การศึกษาด้านความเป็นพิษในสัตว์ทดลองพบว่า การใช้รากสามสิบในขนาดสูง 2 กรัม ต่อกิโลกรัม ด้วยการกินไม่พบพิษ และการใช้ในระยะยาวด้วยการต้มน้ำ ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แล้วให้กินทั้งเนื้อและน้ำนาน 4-32 สัปดาห์ ไม่พบความผิดปกติ จะเห็นได้ว่ารากสามสิบนั้น นับว่าเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามาก เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ควรค่าแก่การอนุรักษ์เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป

ต้นรากสามสิบ (ภาคกลาง) ผักชีช้าง (ภาคอีสาน) ม้าสามต๋อน(ภาคเหนือ) ผักหนาม (ภาคใต้) 
เป็นไม้เลื้อย หมอยาในสมัยก่อนจะเรียกกันว่า"สาวร้อยผัว" ส่วนใหญ่ใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ทำให้มีแรง กระชุ่มกระชวย ไม่แก่ เหมือน ๆ สาวสองพันปี มีประวัติการใช้เป็นสมุนไพรในคัมภีร์พระเวทของอินเดีย(ไม่ยืนยันครับ)

หมอยาโบราณส่วนใหญ่จะรู้ว่าสาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี จึงมีชื่อว่า "สาวร้อยผัว" กล่าวคือไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ ความหมายคล้ายๆ สาวสองพันปีที่ยังดูสาวเสมอ ไม่ใช่กินแล้วสามารถมีผัวได้ร้อยคนอะไรทำนองนั้น 

ซึ่ง รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกกล่าวถึง ในคัมภีร์พระเวท เป็นคัมภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วยซ้ำ จึงน่าจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้รากสามสิบทำเป็นของหวานเช่นเดียวกับเมืองไทย คือ "รากสามสิบแช่อิ่ม"

ในตำราอายุรเวทใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเป็นยาบำรุงในผู้หญิง ในการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (female rejuvenation) นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ของผู้หญิง เช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะหมดอารมณ์ทางเพศ ภาวะหมดประจำเดือน (menopause) บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ ป้องกันการแท้ง (habitual abortion)

มี สถิติในปี ค.ศ.1999-2000 อินเดียใช้สมุนไพรชนิดนี้ถึง 8,460 ตัน เป็นอันดับสองรองจาก มะขามป้อม ที่ใช้อยู่ที่ 15,147 ตัน ปัจจุบันมีสารสกัดด้วยน้ำของรากสามสิบจากอินเดีย ไปจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement กล่าวคือสามารถขายได้ทั่วไปอย่างอิสระไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

เครดิต..THAI HERB