ไม่ใช่แค่อุปมาอุปไมย
ไม่คิดถึงก้าวสุดท้าย เลยเป็นเหตุให้ไม่มีกำลังใจ
ไม่มีกำลังใจ เลยเป็นเหตุให้ก้าวแรกล้มเห
แต่คิดถึงก้าวสุดท้ายมากๆ เป็นเหตุให้ท้อถอย
ท้อถอยมากๆ เป็นเหตุให้ไปไม่ถึงก้าวสุด
• อุปสรรค
เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ในก้
ก้าวปัจจุบันจึงเป็นก้าวที่
เหมือนกลิ่นเหม็นบูด
ส่วนก้าวสุดท้ายเป็นก้าวที่
เหมือนกลิ่นหอมหวน
ศรัทธาในก้าวสุดท้าย จึงปรุงแต่งให้ก้าวนี้หอมขึ
สดใสสว่างขึ้นกว่าเดิม ไม่มากก็น้อย
• แต่การเรียกร้องกำลังใจเกิน
ก็อาจกลับข้างเป็นตัวบั่นทอ
ได้เหมือนกัน
เช่นการคิดถึงก้าวสุดท้ายมา
ก็เป็นเหตุให้รู้สึกเหมือนไ
อยู่ห่างสุดกู่จากจุดเริ่มต
ท้อถอยมากๆเป็นเหตุให้ไปไม่
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
• หากคิดเป็นสัดส่วนที่อยู่ตร
แบ่งความคิดเป็นสิบส่วน
อนุญาตให้คิดถึงก้าวสุดท้าย
อีกเก้าส่วนต้องคิดถึงก้าวป
เพราะด้วยสัดส่วนนี้จะทำให้
"มาไกลแค่ไหนแล้ว ?"
"ทำมาได้ถึงไหนแล้ว ?"
เพื่อจะได้เกิดแรงจูงใจให้ก
ในวันรุ่งขึ้น
แต่หากคิดถึงก้าวสุดท้ายตั้
จะกลายเป็นความรู้สึกว่า..
"เมื่อไหร่จะถึงสักที ?" เลื่อนลอยจัง
ชาตินี้คงไม่มีหวังกับเขาหร
ทั้งนี้ อัตราส่วนทางความคิดถึงก้าว
ใช้ได้ทั้งกับทางโลกและทางธ
เพราะระบบความคิดที่ถูกจัดส
กับอนาคตมากเกินไป
จะเป็นตัวยับยั้งความเคลื่อ
ไม่ใช่กระตุ้นให้เกิดความเค
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
• เหตุถูกผลย่อมถูก
คนก้าวเดินไปเรื่อยๆ ก็ออกห่างจากจุดเริ่มต้นมาเ
และเหตุผิดผลย่อมผิด
คนที่เอาแต่คิดถึงจุดสุดท้า
ก็จะพบว่าตนเองย่ำอยู่กับที
• ความฟุ้งซ่านกับท้อถอย
เป็นผลจากการ ‘ย้ำคิด’ ว่าไปไม่ถึงไหน
ส่วนความสงบกับกำลังใจ
ก็เป็นผลจากการ ‘ทำจริงๆ’
เห็นตัวเอง ‘กำลังรุดหน้า’ อยู่จริงๆ
ไม่ใช่เอาแต่คิดถามว่ามาถึง
และมองหาอนาคตที่ไม่เห็นอยู
• เดินสายกลางคือเดินอยู่ที่ก
สติก็อยู่กับก้าวนั้นครับ
• ถ้าเมื่อใดรู้สึกว่า
เดินอยู่ที่ก้าวไหนสติก็อยู
นั่นแหละควรเป็น ‘กำลังใจ’
ความเชื่อมั่นในตนเอง
กับศรัทธาในการไปให้ถึงก้าว
จนได้ในวันหนึ่งครับ
#ดังตฤณ
http://www.facebook.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น