วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

นอนห้อยหัววันละ 10 นาที ช่วยสมองดี แก่ช้า หน้าใส

*****นอนห้อยหัววันละ 10 นาที ช่วยสมองดี แก่ช้า หน้าใส******

การนอนห้อยหัวสัก 10 นาที ให้ศีรษะได้มีโอกาสอยู่ต่ำกว่าลำตัวบ้าง เพื่อเลือดจะได้ไหลลงไปเลี้ยงสมอง ใบหน้า รู้หรือไม่ว่า คุณประโยชน์ที่จะได้รับ มีมากเหลือคณา ครอบคลุมทั้งภายนอกและภายใน

สมองฉับไว มองโลกในแง่ดี

เพราะเซลล์ต่างๆ ของสมองต้องการเลือดไปหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น การนอนห้อยหัวจึงช่วยเสริมเติมส่วน ทำให้เลือดที่หล่อเลี้ยงร่างกายอยู่แล้วได้มีโอกาสไหลไปตรงศีรษะได้ง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อเลือดไหลเวียนดี เนื้อเยื้อสมองเนื้อเยื้อเซลล์ก็ได้รับการบำรุงซ่อมแซมเต็มที่ ระบบต่างๆ ก็ทำงานไหลลื่น ส่งผลให้ความคิดฉับไว เป็นระบบระเบียบ ความจำดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ไมเกรน เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังลดอาการผมหงอก ผมขาว ช่วยให้สีผมกลับมาเป็นสีปกติ และยังทำให้มีความคิดในแง่บวก มองโลกในแง่ดี เพราะจะไปช่วยกระตุ้นต่อมหมวกไตที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญๆ หลายชนิด และส่งผลต่อความรู้สึก ทำให้มีความคิดในแง่บวกมากขึ้น มองโลกในแง่ดีขึ้น แถมลดอาการความเครียดต่างๆ อารมณ์หมองเศร้าอีกด้วย

หน้าเด็ก ผิวใส

เนื่องจากในระหว่างที่เรานอนห้อยหัวเพื่อให้เลือดไหลไปบริเวณศีรษะนั้น นอกจากจะทำให้ใบหน้าได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงมีเลือดฝาด เรายังจะได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่ช่วยทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่ง เต่งตึง ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ซึ่งตรงนี้ เราก็สามารถนวดคลึงใบหน้าเบาๆ เพื่อทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงได้ดีขึ้น เร่งการสร้างเซลล์ผิวหน้าใหม่ ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยและยังช่วยในเรื่องของการยกหน้า (Face Lift) เพราะปกติ กล้ามเนื้อใบหน้าของเราจะถูกดึงไปตามกฎของแรงโน้มถ่วงของโลก

ปรับสมดุล ความคุมฮอร์โมน

อย่างที่กล่าวข้างต้นถึงของคุณประโยชน์การนอนห้อยหัวที่มีต่อสมอง และเนื่องจากสมองเป็นแหล่งรวมระบบประสาทและการทำงานต่างๆ ของร่างกาย การนอนห้อยหัวเพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงได้ดีขึ้น จึงเป็นการไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดยังต่อมต่างๆ อีกด้วย อาทิเช่น ต่อมใต้สมองและต่อมไฮโปทาลามัส ที่มีความสำคัญต่อร่างกายและเป็นต่อมสำคัญที่จะไปควบคุมการทำงานของต่อมอื่นๆ ในร่างกาย

ป้องกันโรคอัมพาต

เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเลือดไปเลี้ยงทำให้ไม่เกิดภาวะสมองขาดเลือดแล้ว การให้เลือดแล่นขึ้นใบหน้าจนแดงก่ำ ยังคล้ายเป็นการบริหารท่อเลือดให้ทำงานอยู่เสมอๆ จึงช่วยให้ท่อเลือดไม่อุดตันจากการไม่ได้ใช้งานนั่นเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้น การห้อยหัวยังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่นิยมทำและให้ผลคล้ายๆ กัน อาทิโยคะท่าศีรษะอาสนะ (Headstand) หรือ การห้อยหัวด้วยเครื่อง Inversion Table ที่ช่วยเสริมประโยชน์ในเรื่องของกระดูก หมอนรองกระดูก ข้อต่อต่างๆ ให้ทำงานเป็นปกติ นอกจากนี้ยังลดอาการไส้เลื่อน ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นเนื่องจากลำไส้อาจมีการเคลื่อนตัว ช่วยสร้างเซลล์กระดูกใหม่ขึ้นมาทดแทนช่วยให้พออายุมากร่างกายยังคงเหมือนปกติ ไม่เตี้ยลงหรือหลังค่อมเนื่องจากการยืดตัว

อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อควรระวังผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูงหรือความดันโลหิตต่ำและผู้มีอายุมากๆ ควรรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ถ้าในระหว่างที่ทำ 10 นาที ถ้าเกิดอาการหน้ามืด ก็ควรหยุดพักทันที


ที่มา  สมาคมแพทย์แผนไทย แห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข

กำจัดมดแบบง่ายๆ ทำเองได้ไม่ยุ่งยาก

เคล็ดไม่ลับ..ฉบับเอส .วี.

เสนอการกำจัดมดภายในบ้านแบบง่ายๆ

ที่ทำเองได้ไม่ยุ่งยาก

ใครเคยลองเอามือไปปาดทางเดินมดไหมคะ มดจะชะงักและเดินต่อไม่ได้ เพราะว่าเวลาที่มดเดิน มันจะสร้างกลิ่นของมันไว้ตามที่ต่างๆ
เพื่อให้มันสามารถเดินทางกลับรังและตัวอื่นๆ ที่เดินตามไม่พลัดหลงกันนั่นเอง

วันนี้เรามาดูวิธีไล่มดได้ง่าย ซึ่งในที่นี้ เราจะใช้ ”น้ำส้มสายชู” คะ
เนื่องจากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำส้มสายชู ที่เปรี้ยวมาก ทำให้มดไม่ชอบนั่นเองมันจึงไม่มากวนเราคะ
วิธีทำ : นำน้ำส้มสายชู 1แก้ว กับ น้ำเปล่า 2 แก้ว มาผสมกันแล้วใช้ผ้ามาชุบ เช็ดตามขาโต๊ะอาหาร เก้าอี้ หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ไม่ต้องการให้มดมากวนเท่านี้เราก็สามารถกำจัดมดได้แล้วค่ะ แต่การทำแบบนี้ต้องทำบ่อยๆ เดือนละ 1-2 ครั้งนะคะ เพราะเราไม่ได้ใช้เคมีกำจัด แต่เป็นการไล่แทน อีกอย่างยังเป็นวีธีที่สะดวกและวัตถุดิบยังหาได้ไม่ยาก


ที่มา https://web.facebook.com/svgroupthailand/photos/a.604978609640411.1073741840.561328477338758/615931381878467/?type=3&theater

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

รวมสูตรหมักไก่

รวบรวมสูตรหมักไก่ by Eat clean baby ค่า อีโมติคอน smile
ได้ไอเดียหมักเพิ่มเยอะเลย จะได้ไม่เบื่อเมนูง่ายๆน้า พราวเงก็จะลองทำ ลองหาสูตรมาเรื่อยค่ะ
***สูตรในเม้นแบบละเอียด แอดบอกเลย คลังแสง โปรดมาดูกัน!!**

จากที่แชร์อาหารต่างๆ ไม่ว่าจะหมู ไก่ ทั้งหมักเอง ชาวเพจส่งมา ก็มีสูตรมากมาย แต่..บางทีคนที่พึ่งเริ่มทำอาจจะงง หรือหาไม่เจอ หรือสงสัยจะหมักยังไงดีน้อ เริ่มยังไงดีน้อ มาม้ะ 

พราวจัดการรวมคลังแสงหมักเนื้อสัตว์ไว้แล้วค่ะ จริงๆเมื่อก่อนแอดอิ่มก็รวบไว้แล้ว แต่มันนานแล้ว เลยขอปักอีกอัน ทำรูปไว้จะได้หาง่ายๆ ทดลองมาเย้อ เจ็บมาเย้อออ ได้ไอเดียจากชาวเพจก็เยอะ ไม่เฉพาะไก่นะคะ หมักหมูก็ได้เช่นกัน อีโมติคอน smile หมูเลือกส่วนลีนๆหน่อยก็ทานได้ค่ะ ไม่จำเป็นว่าทานคลีนจะทานหมูไม่ได้นะคะ

เคล็ดลับ - สำหรับความนุ่ม by แอดอิ่ม
เหยาะ baking soda เอาไว้ทำคุ้กกี้ เบเกอรี่ไปเบาๆ ถ้าใช้เบกกิ้งโซดาหมักใส่ทับเปอร์แวร์เก็บได้หลายวันอยู่ (เบกกิ้งโซดานะเฟร้ย ไม่ใช่โซดาไฟเทใส่ทะลวงท่อตัน T o T อย่าหยิบผิดนะแก แด่วได้ลงข่าวหน้าหนึ่งไทยรัฐตอนเช้า แบ่บกินไก่หมักตายยกครัว ไรงี้)
หรือจะใช้น้ำสับประรดสดแทนเบกกิ้งโซดาก็ได้ (แต่ห้ามหมักนาน เคยหมักข้ามวัน ไก่เละเป็นขรี้เลย เอาตะเกียบคีบร่วงตุ๊บ อนุภาคเอมไซม์สับประรดช่างโหดยิ่ง เค้าถึงว่าอย่ากินสับปะรดตอนท้องว่าง!)

อันนี้เป็นสูตร ไอเดียคร่าวๆ ก่อนนะคะ
- ปริมาณกะๆเอานะคะ ไม่เน้นเค็ม เน้นเครื่องเทศจะดีกว่า ดูปริมาณไก่ของเรา ค่อยๆใส่ ส่วนในเม้นแอดจะเพิ่มแบบมีปริมาณให้อีกนะคะ -

เริ่มจากสูตรคุณ Wasuta Promla ค่ะ

1. กระเทียม พริกไทย รากผักชี ตำ/ปั่นรวมกัน เติมซอสน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว (ตามแต่ความเคร่ง 55) หมักข้ามคืน มันจะนุ่มเองค่ะ อันนี้คือเบสิก ทำบ่อย ง่ายดี
2. สูตรตามข้อ1 + น้ำมันงา + งาคั่ว ได้ออกแนวจีนๆ
3. สูตรตามข้อ 1 + น้ำผึ้งนิดนึง + นมสด ได้ออกมาแนวหมูปิ้งนมสด
4. สูตรตามข้อ 1 + ผงกะหรี่ + น้ำผึ้ง + นมสด ได้ไก่สะเต๊ะหอมๆ
5. สูตรตามข้อ 1 + ตะไคร้+ข่า+ใบมะกรูด ปั่นรวมกัน ได้ไก่ย่างตะไคร้ หอมสมุนไพร
6. สูตรตามข้อ 1 + โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง+ น้ำมันมะกอกนิดนึง + โรสแมรี่ (ชอบออริกาโน่ก็ใช้ได้ค่ะ) ได้ไก่ย่างออกแนวฝรั่งๆ หน่อย
7. สูตรตามข้อ 1 + น้ำมันมะกอก + มัสตาร์ด+น้ำผึ้ง จะได้ไก่ย่างเผ็ดๆ หอมๆ
8. หมักซอสบาร์บีคิวทำเอง ผสมนมสดนิดนึง ได้ไก่ย่างบาร์บีคิวค่ะ
9.หมักซอสเทริยากิทำเอง พอย่างเสร็จเอาซอสที่เหลือตั้งไฟ ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำ เทลงไปคนๆ ได้ข้าวหน้าไก่ย่างซอสเทริด้วยค่ะ

อันนี้รวบรวมมาจากคอมเม้น ต่างๆ จากสูตรต่างๆที่แชร์ไป ทดลองเองบ้าง ขออนุญาตินะคะ

- หมักมิโสะ
- หมักแบบเบสิคๆ กระเทียม พริกไทย น้ำมันหอย ซี้อิ๊ว และนมสดไขมันต่ำ
- โยเกิร์ต ผงกระเทียม ผงอบเชย เกลือ พริกไทย
- หมักกะนม แล้วใส่ผงกะหรี่ กระเทียม เกลือนิดหน่อยค่า นุ่มและหอมมั่กๆ
- หมักโยเกริตกับพริกไทยดำ
- ไก่หมักนมสด+โรสแมรี่สดสับละเอียด+กระเทียมสับ+เกลือ+นำมันหอยนิดๆ แช่ตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม.แล้วเอามาย่าง หอมมมทั้งบ้านค่ะ ^^
- ชอบหมักซอสเพรสโต้(ปั่นเอง)
- หมักโยเกิร์ต+ผงกะหรี่
- หมักเกลือ พริกไทย ตะไคร้
- ปาริก้า น้ำผึ้ง เกลือ
- ซีอิ้วขาว+กระเทียมสับ+ขิงสับ+น้ำมันงา1เหยาะ
- ใช้เกลือ LS + ใบไทม์ + โรสแมรี่
- นม กระเทียม พริกไทย เกลือ ผงขมิ้น
- รากผักชี กระเทียม เม็ดผักชี พริกไทยดำ น้ำตาลทรายแดง น้ำผึ้ง
- โยเกิร์ต+กระเทียมสับ+ออริกาโน+เกลือ+พริกไทย

เคล็ดลับจากคุณ Zom Za
หมักกับเบกกิ้งโซดา สิบนาทีค่ะ ล้างออกแล้วปรุงรสตามปกติ ได้ทั้งหมู ไก่ หมูจะนุ่มเด้งเหมือนร้านดัง

คำถาม ?
ย่างไก่ยังไงไม่ให้แห้งอ่ะค่ะ
คำตอบ - เราใช้ไฟอ่อน ย่างในกระทะเทฟลอน ไม่น้ำมันค่ะ พอเอาไก่ลงแล้ว หาฝามาปิดกระทะไว้ ให้ไอน้ำอบอยู่ในนั้น ช่วยได้ค่ะ ^^
พยายามอย่าย่างนานเกินไป เราไม่ได้จับเวลานะคะ พอด้านนึงเปลี่ยนสี ก็กลับ ปิดฟาไว้อีกแป๊บก็เอาขึ้นได้แล้วค่ะ (Wasuta Promla)

จากแอดอิ่ม อันเดิม เพิ่มเติมเดี๋ยวพราวบอก 5555

ปล 1. ใครที่กำลังนึกในใจ หมักกะทิไม่อ้วนเหรอฟระ - - ตราบใดยังไม่ยกกะทิดื่มแทนนมงี้ อย่าได้วอรี่เกินเหตุ แค่หมักให้ผิวของเนื้อมันมีรสชาตินุ่มนวลเฉยๆ

ปล. 2. ซอสหอยนางรมเลือกยี่ห้อที่ไม่ใส่ชูรส ถ้ามียี่ห้อที่ไม่ใส่วัตถุกันเสียจะเริ่ดมาก ใครเจออะไรดีๆ โปรดเอามาแบ่งปันบอกกล่าวด้วยน้า อย่าอมภูมิเก็บไว้ในใจคนเดียว

ปล. 3 ใครสงสัยว่าสูตรหมักพวกนี้ แน่ใจรึว่าจะเป็นอาหารคลีน? - - ถ้าทนกินจืดแบบไม่มีรสชาติได้ตลอดชีวิตก็ดีไม่ลำบากใจ ก็ทำต่อไป แต่ส่วนใหญ่จะตบะแตกภายในไม่กี่วันเพราะคนไทยติดกินรสแซ่บตั้งแต่เกิดมาอุแว้แรก การเดินสายกลางพอดีๆ กินแบบพอมีรสชาติบ้างแต่ไม่ให้ติดรสจัดจนเกินเหตุ ทำให้เรากินคลีนได้อย่างไม่ต้องเครียดเกินและรู้สึกว่าตักอาหารใส่ปากทีโลกฉันเป็นสีเทา

ปล. 3 ปลานี่เหมาะเอามาหมักสมุนไพรโลดเลย หยิบกระต่ายขูดกะทินั่งแหกขาเป็นแม่เบี้ยไป ตำคะไคร้สดผสมเบียร์เกลือซีอิ้วไร มั่วๆไปเผื่อออกมาฟลุ๊คอร่อ


 Vichai Thiramano ผมหมักหมู... ทุบหมูนิดหน่อย โรยเกลือนิดๆๆ พาสรี่ย์ ราดนมข้นจืดลงไปครับ 

บางครั้งก้ใช้เป็น ชะโลมน้ำผึ้ง ทาให้ทั่วหมู แล้วเอาหอมมาหมักโรยพริกไทยนิดหน่อย ถึงเวลาเอาหมูไปนาบกระทะ สุกเอาหอมที่หมักลงไปผัดๆๆต่อ แล้วเอามาเสริฟ์คู่กันครับ


สูตรนี้ต่อ อกไก่ 1 ชิ้น ประมาณ 6oz. (170-180g)
- น้ำผึ้ง 5กรัม
- เกลือทะเล 1 ชช. (ใช้เกลือธรรมดาได้)
- ผงปาปริก้า ตามชอบ
- all spice salt-free ตามชอบ
- ดีจอง มัสตาร์ด 5กรัม (ใช้มัสตาร์ธรรมดาได้)
- พริกไทยดำป่น ตามชอบ
- น้ำมันมะกอก 5กรัม (คาโนล่าก็ได้)
- เบคกิ้ง โซดา 1 ชช. 

ส่วนเกรวี่ น้ำราดไก่
- เนย 1/2 ชต. (เบลใช้ I cant believe its not a butter ; light)
- lemon 1 ซีกเล็ก

1.คลุกส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน พักไว้ 1 ชม. อย่างต่ำ (ให้เครื่องปรุงทำความรู้จักกันนิด เพื่อความอร่อย 55555) 
2.ตั้งกะทะย่าง หรือ กะทะธรรมดาก็ได้ ถ้าแบบย่าง ไก่เราจะสวย ดูดี อิอิ
3.ฉีดสเปรย์น้ำมันมะกอก หรือ คาโนล่า หรือ เอาแปลงทาๆ 
4.นำไก่ที่หมักแล้ว ค่อยๆวางลงไป เราต้องการจี่ไก่ให้สีสวยเท่านั้นนะคะ ไม่ย่างจนสุก ทำแบบนี้ 2 ฝั่ง ให้สีสวยตามต้องการ ก็พักขึ้นมา ใส่ถาดฟอย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะใช้ (ใช้ถาดฟอย ง่ายดี)
5.เอาอลูมิเนียมฟอย ปิดถาดที่ใส่ไก่ให้มิด นำเข้าเตาอบที่อุ่นเตาไว้แล้ว 20นาที อุณหภูมิ 220c อบไก่เป็นเวลา 30 นาที 
6.พักให้เย็นสัก 5 นาที เปิดฟิยออก เอาไก่ออกมาใส่จาน เราจัมาทำเกรวี่ต่อคะ
7.นำถาดน้ำที่เหลือจากอบไก่ วางบนเตาเลย (นี่คือเหตุผลที่เบลใช้ถาดฟอย) เปิดไฟปานกลาง-แรง เคี่ยวน้ำซอสไปเรื่อยๆ ซะ 2-3นาที แล้วใส่เนยลงไป คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่ออีกจนเริ่มข้น 
8.บีบ น้ำเลม่อนลงไป 1 ซีกเล็ก คนให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จพร้อมราดบนอกไก่ของเราค่า 

*เปลี่ยนจาก lemon เป็น น้ำส้มสายชูบัลซามิคก็อร่อยอีกแบบนะจ้ะ!

รูปภาพของ Eat Clean Baby

จากคุณ Orn Ornsiri
อกไก่มักซอสบัลซามิกและมัสตาร์ดสัดส่วนต่ออกไก่ ประมาณครึ่งชิ้น
1. บัลซามิก 3 ช้อนโต๊ะ

2. มัสตาร์ด 3 ช้อนโต๊ะ 
3. เกลือ และพริกไทดำเล็กน้อย 
มักไว้15-30 นาที แล้วย่างได้เลยค่ะ

รูปภาพของ Eat Clean Baby

จากคุณ Sandy Pathomsakulrat 
ไก่อบตะไคร้ค่ะ ง่ายๆเลย
เครื่องปรุง

พริกไทยเม็ด
รากผักชี
กระเทียม
ตะไคร้
ซีอิ้วขาว
ขมิ้นผง
วิธีทำ
เอาทุกอย่างที่ว่ามาข้างต้นปั่นรวมกันค่ะสะดวกดี อิอิ จากนั้นผสมกับซีอิ้วแล้วนำไก่ลงหมักสัก1ชม ก่อนอบ เราใข้ไฟประมาณ190F นาน30-45นาทีแล้วแต่ว่าไก่ที่อบมากน้อย 
เสร็จออกมาหน้าตาอย่างที่เห็น แบบคลีนเบาๆเพราะใช้ซีอ้ิวไม่เยอะมากให้ไก่รสชาดพอหอมและอร่อย เค็มนิดๆค่ะ

รูปภาพของ Eat Clean Baby

จากคุณ Taii Charinthorn 
เราใส่ข้าวคั่ว น้ำมะขามเปียก พริกไทยดำป่น หมักไก่+ปลา รสชาติอร่อยดีค่ะ หอมข้าวคั่วด้วยแล..

รูปภาพของ Eat Clean Baby

ไก่หมักbalsamic vinegarค่ะ จากคุณ 
Warakorn Ananrattanasakul
นํ้าส้มสายชูอันนี้ออกจะราคาแพงไปหน่อยแต่ซื้อติดไว้ก็เอาไปทํานํ้าสลัดได้คะ

นํ้าส้มสายชู+นํ้ามันมะกอก 1:1 เลยคะ

ส่วนสูตรหมักไก่นะคะ
2tbsp Balsamic vinegar
2tbsp มัสตาร์ด
2tsp ออริกาโน่
1/4ถ้วยตวง นํ้ามันมะกอก
กระเทียมทุบสับละเอียด
เกลือและพริกไทย

วิธีทําก็เอาไปปิ้งบนกระทะจนเกรียมทั้งสองด้านแล้วก็เอาไปใส่ไมโครเวฟให้สุกอีกสัก1.30นาที
ทีนี้ก็เสร็จเรียบร้อยคะ รสชาติจะเปรี้ยวนิดๆ หอมออริกาโน่กับกระเทียมหน่อยๆ
รสชาติคล้ายสเต็กไก่ตามร้านอาหารเลยนะเออ 

รูปภาพของ Eat Clean Baby

จากคุณ Nadoublet Natthaya
หมักไก่ไว้กินพรุ่งนี้ น้ำหมักมี homemade yogurt, bay leaf, chop parsley, salt, black pepper

รูปภาพของ Eat Clean Baby

ขอขอบคุณ ที่มา https://web.facebook.com/eatcleanbaby?fref=photo

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

ทำฟองนมแบบง่ายๆ 3 ขั้นตอน ด้วยไมโครเวฟ


คอกาแฟต้องรู้ ! วิธีทำฟองนมเองที่บ้านง่าย ๆ ด้วยไมโครเวฟใน 3 ขั้นตอน ได้ฟองนมฟูฟ่องไว้โปะบนแก้วเครื่องดื่มแล้ว

          วันว่าง ๆ เกิดอยากจะลองทำเครื่องดื่มร้อน ๆ ที่มีฟองนมฟูฟ่องกินเองที่บ้าน แต่ดันไม่มีเครื่องตีฟองนม ถึงจะมีขายตามร้าน 60 บาทก็ตาม วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีทำฟองนมเองที่ง่ายกว่าไปซื้อเครื่อง เพราะแค่มีไมโครเวฟ คุณก็สามารถทำฟองนมฟูฟ่องไว้ตักโปะลงบนแก้วเครื่องดื่มเก๋ ๆ แล้ว ง่ายซะยิ่งกว่าง่าย

สิ่งที่ต้องเตรียม

           นมสด
           ขวด, โหลแก้วที่มีฝาปิด (หรือเชคเกอร์) 

วิธีทำ

Step 1 : เทนมสดประมาณครึ่งหนึ่งใส่ลงในภาชนะ (อย่าใส่ให้มากเกินไปเพื่อให้เหลือพื้นที่ให้ฟองนมขยายตัวด้วย)

Step 2 : ปิดฝาขวดโหลแล้วเขย่าประมาณ 30-60 วินาที จนนมสดเป็นฟองและฟูขึ้นเป็นสองเท่า

Step 3 : นำเข้าไมโครเวฟ 30 วินาที ให้สังเกตดูว่าฟองจะเริ่มเดือดและฟูขึ้น (**ถ้าใช้เชคเกอร์ให้เทนมใส่แก้วก่อน**)

Step 4 : ตักฟองนมลงในแก้วเครื่องดื่มที่ต้องการ

          หมายเหตุ : เมื่อตักฟองนมใส่แก้วเครื่องดื่มแล้วควรดื่มทันที เพราะฟองนมจะละลายเร็ว

     ที่มา Cooking.kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

ไก่ย่างพริกไทยดำ หอมอร่อยทำง่ายๆ

1. ไก่ย่างพริกไทยดำ 

          เริ่มต้นด้วยสูตรไก่ย่างยอดนิยมอย่างไก่ย่างพริกไทยดำจาง ๆ กลิ่นหอม และมีรสเผ็ดเล็ก ๆ วิธีทำก็ง่าย ๆ แค่โขลกกระเทียม พริกไทยดำ และรากผักชี แล้วเอาไปหมักกับไก่พร้อมด้วยซอสปรุงรสอีกนิด แช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็เอาออกมาย่าง หรืออบ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย 

 ส่วนผสม

          -สะโพกไก่ 3 ชิ้น (หรือไก่ส่วนอื่น ๆ ตามชอบ)
          -กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
          -พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
          -รากผักชีสับหยาบ 2 ราก
          -ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
          -ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
          -ซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

          1. โขลกกระเทียม พริกไทยดำ และรากผักชีเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักใส่อ่างผสม

          2. ใส่ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสพริก น้ำผึ้ง และน้ำมันมะกอกลงในส่วนผสมที่โขลกไว้ คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่สะโพกไก่ลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

           3. นำไก่ไปย่างบนตะแกรง หรือในกระทะด้วยไฟอ่อน จนไก่สุกทั่วทั้งสองด้าน หรือนำไปอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ จากนั้นนำมาจัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ


ที่มา kapook.com

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

ข้าวเหนียวแดง ขนมไทยประจำวันสงกรานต์

ข้าวเหนียวแดง ขนมไทยประจำวันสงกรานต์

สูตรและวิธีการทำข้าวเหนียวแดง

ข้าวเหนียวแดง เป็นขนมไทยโบราณมีสองสีคือสีน้ำตาลแดงซึ่งได้จากการเคี่ยวน้ำตาล และสีเขียวใบเตยเป็นขนมที่นิยมใช้ในงานมงคลต่างๆ เช่น งานบวช งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ หรืองานแต่งงานเพราะมีความหมายว่าให้คู่สมรสมีชีวิตครอบครัวที่เหนียวแน่นเป็นปึกแผ่นมั่นคง การทำข้าวเหนียวแดงมีวิธีและขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากค่ะแต่ต้องมีความละเอียดอ่อนประณีตในการทำตามลักษณะของขนมไทยโบราณทั่วไป

สูตรและวิธีการทำข้าวเหนียวแดง
ส่วนผสม
1. ข้าวเหนียว(นิยมใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงู) 5 ถ้วย
2. กะทิคั้นใช้แต่หัวกะทิ 2.5 ถ้วย
3. งาขาวคั่ว ½ ถ้วย
4. น้ำตาลปีบ 500 กรัม

วิธีทำข้าวเหนียวแดง
1.ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด หากใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูแช่น้ำไว้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง

2.จากนั้นนำไปนึ่งให้สุกแล้วเทใส่ภาชนะหรือตะแกรงผึ่งให้เย็น

3.ผสมกะทิกับน้ำตาลปีบแล้วนำไปตั้งไฟเคี่ยวไฟปานกลางจนเป็นสีน้ำตาลแดง ลักษณะเหนียวเป็นยางมะตูม

4.ใส่ข้าวเหนียวที่ผึ่งไว้ลงไปกวนให้แห้งแล้วยกลงจากเตาเทใส่ในถาดโรยหน้าด้วยงาที่คั่วไว้แล้วตัดเป็นชิ้นหรือกดใส่ในพิมพ์เกลี่ยให้เรียบโรยหน้าด้วยงาขาว

เคล็ดลับความอร่อย
1.ภาชนะที่ใช้กวนควรเป็นกระทะทองเหลือง เพราะจะได้ความร้อนที่สม่ำเสมอ

2.ขั้นตอนการนึ่งข้าวไม่ควรนึ่งนานจนทำให้เม็ดข้าวบาน เพราะจะทำให้ข้าวเหนียวแดงแฉะ

3.ข้าวเหนียวแดงที่อร่อยเมล็ดข้าวต้องไม่แข็ง ซึ่งขึ้นอยู่กับขั้นตอนการเคี่ยวน้ำตาลและการใส่ข้าวเหนียวลงไปกวนหากกวนนานจนแห้งน้ำตาลจะรัดตัวทำให้ข้าวเหนียวแข็งได้

****ทราบวิธีทำและเคล็ดลับความอร่อยของข้าวเหนียวแดงขนมไทยโบราณกันแล้ว อย่าลืมนำไปทดลองทำนะค่ะ เพราะนอกจากการทำขนมหวานไทยโบราณจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของคนทำแล้ว ยังสามารถทำขายเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

Cr. http://datacatalog.org/
ขอบคุณภาพจาก google

บลอนดี้ (Blondie)


บลอนดี้ (Blondie) เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา บลอนดี้เป็นขนมเค้กชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับขนมบราวนี่ ส่วนประกอบทุกอย่างเหมือนกันหมด ต่างกันตรงบลอนดี้จะไม่ใส่ชอคโกแลตและผงโกโก้ลงไปในเนื้อเค้ก แต่จะใส่น้ำตาลทรายแดงเพื่อเป็นตัวเพิ่มสีสันให้ออกสีทองเมื่ออบเสร็จ
บลอนดี้สูตรของไผ่ จะใส่ชอคโกแลตชิพและถั่วพีแคน เป็นสไตล์บลอนดี้ดั้งเดิมแบบอเมริกันค่ะ ใครชอบพวกผลไม้อบแห้งอย่างลูกเกด แครนเบอร์รี้ อะไรพวกนี้ หรือถั่วต่างๆ ก็ใส่ลงไปได้เลยนะคะ หรือใครอยากจะ topping ด้วย โอรีโอ้, m&m,kitkat ก็ตามแต่ไอเดียจะบรรเจิดกันเลยจ้า..
มาดูส่วนประกอบและวิธีทำกันเลยจ้า
🍫Chocolate pecan Blondie
"ชอคโกแลตพีแคนบลอนดี้"🍫
🍰ส่วนประกอบ
เนยจืดละลาย 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายแดง 1/2ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายขาว 1/3 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 1ฟอง
วนิลาสกัด 2ช้อนชา
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1ถ้วยตวง
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
ชอคโกแลตชิฟ แบบsemi sweet 3/4 ถ้วยตวง
ถั่วพีแคนสับเป็นชิ้นเล็กๆ (ใส่ไม่ใส่ก็ได้)
🍰วิธีทำ
1. นำเนยจืดไปละลาย พักให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง จากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดงและน้ำตาลทรายลงไป
ตีผสมจนเข้ากันดี (ใช้สปีดกลางตีประมาณ2นาที)
2. ตอกไข่ใส่ลงไป เติมวนิลาสกัดลงไป แล้วตีผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3. ใส่แป้งและเกลือป่นลงไป ตีส่วนผสมที่สปีดต่ำสุด ให้เนื้อพอเข้ากันดี อย่าตีนานเกินไป
จะทำให้ส่สนผสมเหลวเกิน (ขั้นตอนนี้อาจใช้พายยางช่วย)
4. เติมชอคโกแลตและถั่วลงไป
5. รองก้อนพิมพ์ด้วยกระดาษรองอบ นำเข้าอบที่ไฟบนล่าง 350F เวลา 25-30นาที จนหน้าเปลี่ยนเป็นสีทอง
6. เมื่อสุกนำออกจากเตาพักบนตะแกรงทันที (ยกทั้งกระดาษรองอบ) รอให้เย็นจึงนำมาตัดแบ่ง
**อาจใช้ผลไม้อบแห้ง หรือถั่วต่างๆใส่ลงไปตามใจชอบค่ะ**
ที่มา https://web.facebook.com/bambiekitchen/photos/pcb.880284848691651/880284772024992/?type=1&theater

กุ้งสะเต๊ะ

รู้จักกุ้งสะเต๊ะครั้งแรกที่ตลาดน้ำบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ตลาดนี้ของอร่อยๆเยอะ ได้ทาน ปี 52-53 นี้ล่ะ แม่ค้าขายในเรือเหมือนตามตลาดน้ำทั่วๆไป ทานครั้งแรก รู้สึกแปลกแต่อร่อย เพราะเป็นคนชอบทานกุ้งมาก (สาวเมืองนนท์น่ะ) กุ้งของเค้าสด เนื้อกรอบ เราว่าเคล็ดลับการทำกุ้งสะเต๊ะส่วนนี้สำคัญทีเดียว เพราะเคยไปทานอีกที่นึงในเยาวราช ไม่นานนี้เอง กุ้งไม่สด รสชาติความอร่อยหายไปเยอะเลยทีเดียว ทั้งที่ๆ น้ำจิ้มสะเต๊ะและอาจาดของเค้าอร่อย กลมกล่อมมาก!!!!!!!

วิธีทำกุ้งสะเต๊ะ
1. เนื้อกุ้งแกะเปลือก เหลือหางกุ้งไว้สวยๆ 150 กรัม
2. ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
3. กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
4. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
5. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
7. น้ำกะทิ 1/2 ถ้วย

วิธีปรุง
1. นำผงกะหรี่ กระเทียมสับ ซอสปรุงรส ซอสหอยนางรมมาผสมเข้าด้วยกั

2. นำเนื้อกุ้งลงไปคลุกเคล้าเครื่องปรุง หมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ในตู้เย็น

3. เตรียมเตาย่าง (จะใช้เตาไฟฟ้าก็ได้ค่ะ ถ้าไม่สะดวกใช้เตาถ่าน) นำกุ้งมาเสียบไม้เตรียมไว้

4. พอเตาร้อนนำกุ้งมาย่างระหว่างย่างคอยทาด้วยน้ำกะทิจนสุ

5. เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะและอาจาด

สำหรับน้ำจิ้มสะเต๊ะ
1. น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนชา
2. เกลือ 1/2 ช้อนชา
3. น้ำตาลแดง 2 ช้อนโต๊ะ
4. กะทิ 1 ถ้วยตวง
5. น้ำร้อน 1/2 ถ้วยตวง
6. ถั่วลิสงบด 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำน้ำจิ้มสะเต๊ะ
1. ผสมน้ำกะทิกับน้ำพริกแกงให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย น้ำตาล, เกลือ ให้รสหวานนำรสเผ็ด

2. ใส่ถั่วลิสงบดลงไป และนำไปเคี่ยวบนไฟอ่อน

3. ตักใส่ถ้วยน้ำจิ้ม เสริฟพร้อมกับกุ้งสะเต๊ะ (หรือหมูสะเต๊ะ)

สำหรับอาจาด
1. น้ำส้มสายชู 125 มิลลิลิตร
2. น้ำตาล 115 กรัม
3. แตงกวาซอย 1/2 ลูก
4. หอมแดงซอย 2 ลูก
5. พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด (เอาเม็ดออก, หั่นขวางเป็นแว่น)
6. ผักชี (สำหรับแต่งหน้า)

วิธีทำอาจาด
1. นำน้ำส้มและน้ำตาลใส่หม้อและนำไปตั้งไฟอ่อนๆ คนจนกระทั่งน้ำตาลละลาย ปิดไฟ

2. ปล่อยให้เย็น จากนั้นใส่แตงกวา, หอมแดง และพริก คนให้เข้ากัน

Cr. http://th.openrice.com/
Cr. http://www.ezythaicooking.com/
ขอบคุณภาพจาก google

ขนมใส่ไส้ หรือ ขนมสอดไส้

วิธีทำ ขนมใส่ไส้ หรือ ขนมสอดไส้

วัตถุดิบ สำหรับ 30 ห่อ
1. น้ำตาลปี๊ป 200 กรัม
2. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา สำหรับไส้ , เกลือป่น 1 ช้อนชา สำหรับกะทิ
3. มะพร้าวทึนทึกขูด
4. แป้งข้าวเหนียว 350 กรัม
5. น้ำใบเตยปั่นละเอียด 300 มิลลิลิตร
6. กะทิ 800 มิลลิลิตร
7. แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม
8. กลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา
9. ไม้สำหรับกลัด หรือไม้จิ้มฟัน
10. ใบตองเช็ดสะอาดสำหรับห่อขนม

วิธีทำ
1. นำใบตองที่สำหรับห่อมาตัดเป็น 2 ขนาด ฉีกใบตองชั้นนอก 5 นิ้ว และสำหรับชั้นใน 4 นิ้ว และนำมาตัดมุมให้เป็นทรงวงรี เช็ดให้สะอาด และนำไปลนไฟเล็กน้อยเพื่อให้ห่อขนมได้ง่าย

2. นำมะพร้าวทึนทึกที่ขูดเป็นเส้นยาว เกลือป่น และน้ำตาลปี๊บ ลงไปกวนในกระทะทองเหลือง ใช้ไฟอ่อน กวนไปเรื่อยๆ จนครบ 20 นาที จนส่วนผสมแห้ง จากนั้นก็ปิดไฟพักไว้ให้เย็น ผสมแป้งข้าวเหนียวและน้ำใบเตยเข้าด้วยกัน นวดแป้งจนเริ่มเป็นก้อน เสร็จแล้วให้คลุมด้วยพาสติกแรป

3. นำกะทิ 1/4 ของกะทิทั้งหมดผสมกับแป้งข้าวเจ้า เกลือป่น กลิ่นมะลิ ลงไปในกระทะ คนให้เข้ากันจนแป้งไม้จับตัวกันเป็นเม็ด แล้วค่อยเติมกะทิส่วนที่เหลือลงไป เปิดไฟอ่อนๆ และคนไปเรื่อยๆ จนกะทิเหนียวข้น ปิดไฟพักไว้ให้เย็น เมื่อตัวไส้เริ่มเย็นดีแล้ว ปั้นไส้ให้เป็นก้อนกลมๆ ขนาด 1 นิ้ว จนหมด และปั้นตัวแป้งเป็นก้อนกลมขนาดใหญ่กว่าตัวไส้เป็น 1 นิ้วครึ่ง แผ่แป้งให้แบนวางไส้ลงตรงกลาง และห่อไส้ขนมให้มิด

4. เตรียมใบตองสำหรับห่อ นำใบตอง 2 ขนาดที่ตัดไว้เป็นวงรีมาประกบกัน นำหน้านวลทั้ง 2 แผ่น ชนกัน

5. นำขนมที่ปั้นไว้วางลงบนใบตอง และราดด้วยน้ำกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ และพับใบตองให้เป็นทรงสูง คาดทับด้วยใบมะพร้าวและคาดด้วยไม้กลัด

6. นึ่งในน้ำเดือดจัดประมาณ 30 นาที พักไว้ให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

Cr. http://food.mthai.com/food-recipe/95944.html
ขอบคุณภาพจาก google

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

สูตรหมูปิ้ง 7 สูตร


สูตรหมูปิ้ง 7 สูตร
ขอให้อร่อยกันทั่วๆทุกๆ คนค่ะ
FB.Thai foods and Bakery's
By.Sujitra Lw
ตามรูปใช้สูตรที่ 7 คะ
‪#‎สูตรที่‬ 1
เครื่องปรุง
เนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต. นมข้นจืด 3-4 ชต. หรือนมสด 1 ถ้วย
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย น้ำตาลทรายนิดหน่อย น้ำมันหอย นิดหน่อย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต
กระเทียม รากผักชี พริกไทย 2ชต.
น้ำมันมะกอก 2-3ชต.
ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไป
วิธีทำ
ล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้ง หรือ เจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆ เวลา ปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย
#สูตรที่ 2 หมูปิ้งรสชาววัง
เครื่องปรุง
1.หมูสันนอก 1 กิโลกรัม
2.น้ำมันหอย 1/2 ถ้วย
3.ซอสปรุงรส 1/2 ถ้วย
4.น้ำปลา 1/2 ถ้วย
5.น้ำตาลปี๊ป 300 g.
6.แป้งมัน 1/4 ถ้วย
7.น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
8.กระเทียม พริกไทย รากผักชี (ตามแต่ชอบค่ะ อันนี้แล้วแต่เลย ชอบมากก็ใส่มากหน่อย)
วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูให้เป็นชิ้นบางๆพอคำนะคะ อันนี้ยิ่งบางเท่าไหร่เครื่องปรุงก็เข้าเนื้อมาก เวลาเสียบไม้ย่างได้ใช้เวลาไม่นาน แล้วเครื่องปรุงก็เข้าเนื้อได้ดีกว่าชิ้นใหญ่ๆค่ะ
2. นำกระเทียม พริกไทย รากผักชี โขลกรวมกัน และ ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี
3. นำเนื้อหมูที่หั่นไว้แล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ใช้มือนวดเบาๆ แบบใจเย็นๆ ให้น้ำแห้งหมาดๆ (ใช้เวลาประมาณ 25 นาที)
4. นำหมูที่นวดเสร็จแล้ว แช่ตู้เย็นช่องฟรีซอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าในเนื้อและจะทำให้หมูนุ่มได้ที่
5. ครบกำหนดเวลา นำหมูมาเสียบไม้ ตามความยาว แล้วเรียงใส่กล่อง ให้สวยงาม แล้วนำเข้าช่องเย็นอีกที ก่อนนำมาปิ้งนะคะ
#สูตรที่ 3 หมูปิ้งรสดั้งเดิม
เครื่องปรุง เนื้อหมู 600 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่ 5-6 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1/3 ถ้วย
วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 2 นิ้ว หนาประมาณ 3 มิลลิเมตร
2. ปลอกเปลือกกระเทียม ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปโขลกให้ละเอียดพร้อมพริกไทยเม็ด
3. นำกระเทียมพริกไทยที่โขลกได้ใส่ลงไปในเนื้อหมูที่หั่นไว้ เติมเครื่องปรุงต่างๆ และกะทิ 3 ช้อนโต๊ะลงไป คลุกเคล้าเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากันแล้วหมักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน
4. เมื่อหมักได้ที่แล้ว นำเนื้อหมูที่ได้มาเสียบไม้ (ก่อนเสียบไม้ให้นำไม้ไปแช่น้ำไว้ก่อนประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยไม่ให้ไม้ไหม้)
5. เริ่มต้นทำการปิ้งโดยวางหมูที่เสียบไม้เรียบร้อยแล้วลงบนตะแกรง นำหัวกะทิที่เหลือมาทาให้ทั่วทุกไม้
#สูตรที่ 4 หมูปิ้งรสนมสดดั้งเดิม
เครื่องปรุง
1. เนื้อหมู 1 kg.
2. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
3. กระเทียมกลีบเล็กปลอกเปลือก ประมาณ 2 หัว
4. รากผักชี 5-6 ราก
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
6. นมข้นจืด 3 – 4 ช้อนโต๊ะ สำหรับหมัก 3 ช้อนโต๊ะ สำหรับย่าง
7. น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย
8. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. ซีอิ้วดำ 1/2 – 1 ช้อนโต๊ะ
10. แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. หันหมูเป็นชิ้นและบางตามความค้องการ
2. นำกระเทียม รากผักชี พริกไทย มาตำละเอียด
3. นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาคลุกเคล้ากับหมูเพื่อหมัก ประมาณ 1 – 2 ชม. ใส่ตู้เย็น แล้วนำหมูมาเสียบไม้
4. ย่างหมูครับ ไฟพอประมาณ เวลาย่างก็เอานมข้นจืดทาหมูด้วยนะคะ ใช้กะทิสดแทนก็ได้ถ้าไม่ใช้นม
#สูตรที่ 5 หมูปิ้งรสนมสดรสกลมกล่อมเน้นเนื้อนุ่มเหนียว
เครื่องปรุง สำหรับหมักหมู 1 กิโลกรัม
พริกไทยป่น 1 ช้อนชาตำรวมกับกระเทียมกลีบเล็ก ไม่ต้องปอกเปลือก 1 หัวโต ๆ
ซีอิ้วดำ 1/2 – 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
นมข้นจืด 3 – 4 ช้อนโต๊ะ (อย่าใส่มากเกินไป เพราะหมูจะลื่นทำให้เสียบไม้ลำบาก)
น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย และ น้ำตาลทรายนิดหน่อย พอให้ออกรสหวานปะแล่ม ๆ
วิธีทำ
แล่ เนื้อหมูตามขนาดที่ต้องการ แล้วนำเครื่องหมักทั้งหมดลงผสม ขยำให้เข้ากันสักครู่แล้วนำไปเสียบไม้ เสร็จแล้วนำใส่ในกล่องมีปิดฝา เก็บในตู้เย็นในช่องแข็ง 2 – 3 วัน ก่อนนำมาปิ้งกับเตาถ่านให้สุก รับประทานกับข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ
#สูตรที่ 6 หมูปิ้ง….ควันโขมงยามเช้า
- หมูเนื้อสะโพกมีมันแทรก หั่นชิ้นเล็กแบบไว้เสียบไม้ปิ้ง 2 ก.ก.
- รากผักชี พริกไทย กระเทียม โขลกละเอียด 5 ช.ต.
- น้ำกะทิสด 3 ถ้วย
- เกลือป่น 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา ครึ่งถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ ครึ่งถ้วย ประมาณขีดกว่า ๆ
- ซอสปรุงรสภูเขาทอง 5 – 6 ช.ต.
- เหล้าจีน 2 – 3 ฝา (ไม่มี ไม่ต้องใส่ก็ได้นะ)
เอาส่วนผสมทั้งหมด ลงเคล้าให้เข้ากันในโถผสมหรือกาละมังก็ได้ค่ะ นวดหมูให้นุ่มและน้ำปรุงซึมซับดี ๆ นวดอย่างน้อย 15 นาที แล้วหมักทิ้งไว้ 2 – 3 ช.ม. ระหว่างนั้นแวะมากลับ มานวดซ้ำ มาคลุกหมูที่หมักไว้บ้าง เสร็จแล้วนำมาปิ้งบนเตาถ่าน

นานๆจะปิ้งค่ะแต่ก็อร่อยตลอด หมูที่ทำต้องเป็นหมูติดมันนะค่ะเวลากินกับข้าวเหนียวแล้วอร่อยดีค่ะ ส่วนประกอบที่ทำบางทีก็ครบบางทีก็ขาดค่ะกะๆเอาตามวัตถุดิบที่เรามี
อย่างเช่นวันนี้ก็เป็นหมูปิ้งหมักวิปปิ้งครีม อร่อยนะค่ะเคยลองรึเปล่าเอ่ยยยยย
วันนี้หมักนิดเดียวค่ะแตงใช้
#สูตรที่ 7 หมูปิ้งวิปครีม#By.sujitra lw.
‪#‎เครื่องปรุง‬
1. หมูติดมันหั่นเป็นชิ้นไม่เล็กไม่ใหญ่ 400-500
2. พริกดำ 1/2 ชล
3. น้ำเปล่า 1/3 ถต
4. ใบพลาสลี่แห้ง 1 ชช(ไม่มีสับใบผักชีใส่ค่ะ)
5. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
6. วิปปิ้งครีม 1/3 ถต(ไม่มีใช้หัวกระทิข้นๆค่ะ)
7. น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ(ลดได้ค่ะ)
8. ซีอิ้วดำ 1/2 ช้อนชา
9. แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ(หรือแป้งข้าวโพด)
10.ชูรสปลายช้อน
11.น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
12. ซอสปรุงรส 1/2 ชช
13.ผงกระเทียม 1/2 ชช(หรือกระเทียมสดโขลกละเอียดเมล็ดใหญ่ 4-5กลีบ)
วิธีทำ
1. ล้างหมูให้สะอาดแล้วหั่นหมูเป็นชิ้นพักไว้ก่อน
2. นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใช้มือนวดกับหมูเพื่อให้เครื่องปรุงทั้งหมดซึมเข้าใปเนื้อประมาณ 10 นาที(หรือว่าไม่นวดก็หมักทิ้งไว้1-2ชม)แล้วนำหมูมาเสียบไม้ ส่วนน้ำหมักอย่าทิ้งนะค่ะเอาไว้ทาตอนปิ้งค่ะ
3. เอาหมูที่เสียบแล้วไปย่างที่เตาใช้ไฟอ่อนๆ ปิ้งจนสีสวยทั้งสองด้าน ให้เอาน้ำหมักซอสที่เราหมักทาหมูแล้วย่างให้หอม พอสุกถ้าอยากให้หมูมันเงาให้เอาน้ำมันมาทานิดหน่อยค่ะ
ขอให้อร่อยกันทั่วๆทุกๆ คนค่ะ
FB.Thai foods and Bakery's
By.Sujitra Lw